โจทย์หิน”สินิตย์” รมช.พาณิชย์ป้ายแดง เซ็นสัญญาFTA “EU-UK”
“สินิตย์” รมช.พาณิชย์ รับไม้ต่อ เดินหน้างานเจรจาการค้า ให้บรรลุเป้าหมายตามภารกิจกระทรวงพาณิชย์ ภารกิจวัดฝีมือส.ส.5 สมัย จากเมืองหอยใหญ่
“สินิตย์ เลิศไกร” รัฐมนตรีพาณิชย์ จากพรรคประชาธิปัตย์ ถือเป็นรัฐมนตรีป้ายแดง ที่นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีเป็นครั้งแรก ซึ่ง “นายสินิตย์” เป็นส.ส. จังหวัดสุราษฏร์ธานี เป็นนักการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ในกลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากบัญญัติ บรรทัดฐาน รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประวัติทางการเมืองถือว่าไม่ใช่คนหน้าใหม่ เพราะเป็นส.ส. 5 สมัย เขต 5 จ.สุราษฏร์ธานี ล่าสุดในการเลือกตั้งทั่วไปปี 2562 ได้รับเลือกตั้งด้วยเป็น ส.ส. สมัยที่ 5 ด้วยคะแนน 44,084 คะแนน มีคะแนนทิ้งห่างอันดับ 2 ที่ได้เพียง 11,210 คะแนน เท่านั้น
การเข้ามาเป็นรัฐมนตรีในโควตาพรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่นายสินิตย์ก็ฟันฝ่าได้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ “สินิตย์”หรือคนทั่วไปเรียกกันว่า “พี่ดำ” “อาดำ “ครูดำ”หลายคนไม่คุ้นหู หรือแทบจะไม่ได้รู้จัก แต่การเข้ามานั่งเก้าอี้รัฐมนตรีพาณิชย์ ที่เป็นกระทรวงค้าขาย ถืองานท้าทายสำหรับรัฐมนตรีป้ายแดง
สำหรับงานในหน้าที่รมช.พาณิชย์ ที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้มอบหมายให้ดูแล 3 กรม 3 องค์กรมหาชน ประกอบด้วยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมทรัพย์สินทางปัญญา กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ และ 3 องค์กรมหาชน คือสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือจีไอที ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา หรือไอทีดี ซึ่งเป็นงานเดิมที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์คนเก่า”วีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล “รับผิดชอบ
ทั้งนี้นายจุรินทร์ มั่นใจว่า ประสบการณ์ในฐานะที่เคยทำหน้าที่ในฝ่ายนิติบัญญัติที่สั่งสมมาตลอดการเป็นผู้แทนราษฎร 5 สมัยของจังหวัดสุราษฎร์ธานี และจะมีส่วนสำคัญในการเป็นพื้นฐานก้าวเข้ามาทำหน้าที่ในฐานะฝ่ายบริหารในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้เป็นอย่างดี และจะมีส่วนสำคัญในการช่วยให้นโยบายของกระทรวงพาณิชย์บรรลุเป้าหมายประสบความสำเร็จแน่นอน
นายสินิตย์ ยืนยันว่า ไม่ได้รู้สึกกดดันกับการมาทำหน้าที่รัฐมนตรีช่วยกระทรวงพาณิชย์เพราะถือว่าได้รับการแต่งตั้งให้เข้ามาทำหน้าที่ และภายในสัปดาห์นี้ก็จะเรียกหน่วยงานที่กำกับดูแลมาประชุมเพื่อกำหนดแนวทางนโยบายการทำงาน โดยการทำงานจะเน้นการทำงานเป็นทีมและอยู่ในหลักของธรรมาภิบาล เพื่อผลักดันให้กระทรวงพาณิชย์เดินทางไปสู่จุดหมายปลายทางคือเศรษฐกิจเจริญเติบโต สู่เศรษฐกิจยุคใหม่อย่างยั่งยืน
เมื่อดูภารกิจที่รัฐมนตรี”สินิตย์”โฟกัสไปที่งานของกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ที่จากนี้ไปงานหลักคือ การเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งมีไทม์ไลน์งานวางไว้แล้วและถือเป็น 1 ใน 14 แผนงานสำคัญของปี 64 ที่กระทรวงพาณิชย์วางไว้คือ การเร่งรัดการเจรจาการค้าเพื่อขยายการค้าของไทยไปยังตลาดโลกในทุกรูปแบบ ซึ่งงานนี้เป็นงานในหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์โดยตรง
โดยเฉพาะการเจรจาความตกลงการค้าเสรี หรือเอฟทีเอ ทั้งการฟื้นการเจรจา และ การเปิดการเจรจาใหม่ เช่น เอฟทีเอไทย-สหราชอาณาจักร (ยูเค) เอฟทีเอไทย-สหภาพยุโรป (อียู) เอฟทีเอไทย-สมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (EFTA) ไทย-สหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย (EAEU) เอฟทีเอคงค้างมีจำนวน 3 ฉบับ ที่อยู่ระหว่างการเจรจา คือ ไทย-ตุรกี ไทย-ปากีสถาน และไทย- ศรีลังกา นอกจากนี้ยังมีงานอื่นที่เกี่ยวข้องกับเอฟทีเออีก ทั้ง เอฟทีเอ อาเซียน-จีน เอฟทีเออาเซียน-อินเดีย เอฟทีเออาเซียน-เกาหลีใต้ และเอฟทีเอ อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ ซึ่งภาคเอกชนต้องการให้รัฐบาลเดินหน้าการเจรจาเอฟทีเอให้ได้เร็วที่สุด โดยเฉพาะเอฟทีเอไทย-อียูและเอฟทีอไทย-ยูเค เพื่อลดอุปสรรคและสร้างแต้มต่อทางการค้า เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับประเทศคู่แข่งได้ โดยเฉพาะประเทศเวียดนามที่ก้าวเหนือไทยไป 1 ก้าวแล้ว
นี่คือโจทย์ใหญ่ที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะต้องเข้าไปวางแนวทางขับเคลื่อนร่วมกับข้าราชการประจำ โดยขั้นแรกคือการเรียนรู้ ศึกษา ให้เข้าใจ เพราะงานเจรจาการค้าเป็นงานที่ยากพอสมควร และต้องใช้เวลา แม้ว่าจะมีข้าราชการเป็นตัวหลักในการเดินงาน แต่ในฐานะรัฐมนตรีจำเป็นต้องเรียนรู้ด้วยเช่นกัน แม้ว่าขณะนี้การเจรจาต่างๆมีความคืบหน้าไปพอสมควร ทั้งเรื่องของการศึกษา การรับฟังความคิดเห็นต่างๆของทุกภาคส่วน
การเข้ามาเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ถือเป็นหมวกใบใหม่ของ ส.ส.5 สมัยจากเมืองหอยใหญ่ ซึ่งงานที่รับผิดชอบมีความแตกต่างไปจากงานทางการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานด้านต่างประเทศ ของรมช.คนใหม่ ที่ต้องรับผิดชอบ ส่วนสอบผ่านหรือไม่ต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์