มติทางการ! 'ล็อกดาวน์' 10 จังหวัด เช็ครายละเอียดที่นี่

มติทางการ! 'ล็อกดาวน์' 10 จังหวัด เช็ครายละเอียดที่นี่

ศบค. แถลงล็อกดาวน์ 10 จังหวัด ขนส่งสาธารณะเปิดถึง 3 ทุ่ม ปิดร้านนวด สปา ห้ามจัดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มเกิน 5 คน เริ่ม 12 ก.ค.นี้

ในการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค.วันศุกร์ที่ 9 ก.ค.2564 ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธาน ในฐานะ ผอ.ศบค. ได้มีวาระสำคัญต่างๆ ดังนี้

ที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วประเทศออกไปอีก 2 เดือน ตั้งแต่ 1 ส.ค.-30 ก.ย.2564

ศบค.ยังมีมติเพิ่มมาตรการ ในการบริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19 ตามที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.)เสนอ โดยระบุถึงหลักคิดในการกำหนดมาตรการครั้งนี้คือ เพื่อจำกัดการเคลื่อนย้าย และการรวมกลุ่มของบุคคลขั้นสูงสุด รวมทั้งกำหนดเวลาการออกนอกเคหะสถาน ควบคู่ไปกับการเร่งรัดมาตรการด้านการป้องกันโรค การฉีดวัคซีน การควบคุมโรค การรักษาพยาบาล รวมทั้งการเยียวยา

พร้อมทั้งเห็นชอบการปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ ตามที่ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีโรคโควิด-19 เสนอ โดยยกระดับของพื้นที่สถานการณ์ย่อยในทั่วประเทศ จากมติเดิมวันที่ 18 มิ.ย. ให้ปรับใหม่มีผลในวันที่ 12 ก.ค.2564 ดังนี้

- พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด(สีแดงเข้ม) 10 จังหวัด (คงเดิม)
- พื้นที่ควบคุมสูงสุด(สีแดง) จากเดิม 5 จังหวัดเป็น 24 จังหวัด (เพิ่มขึ้น 19 จังหวัด)
- พื้นที่ควบคุม(สีส้ม) จากเดิม 9 จังหวัดเป็น 25 จังหวัด (เพิ่มขึ้น 16 จังหวัด)
- พื้นที่เฝ้าระวังสูง(สีเหลือง) 53 จังหวัดเป็น 18 จังหวัด (ลดลง 39 จังหวัด)
- พื้นที่เฝ้าระวัง(สีเขียว) -

หลังเสร็จสิ้นการประชุม แพทย์หญิงอภิสมัย ศรีรังสรรค์ โฆษก ศบค. แถลงรายละเอียดว่า ที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ เห็นชอบตามข้อเสนอยกระดับมาตรการป้องกันควบคุมโรค โควิด-19 สำหรับพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล (นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร) โดยให้มีการยกระดับมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 ยึดหลักการ ดังนี้

พื้นที่ควบคุมสูงสุด และเข้มงวด 10 จังหวัด 

กรุงเทพมหานคร นครปฐม นราธิวาส นนทบุรี ปทุมธานี ปัตตานี ยะลา สมุทรปราการ สมุทรสาคร สงขลา

พื้นที่ควบคุมสูงสุด 24 จังหวัด 

กระบี่ กาญจนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ชัยนาท ตาก นครนายก นครราชสีมา นครศรีธรรมราช นครสวรรค์ ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี พระนครศรีอยุธยา เพชรบุรี ระนอง ระยอง ราชบุรี ลพบุรี สมุทรสงคราม สระบุรี สิงห์บุรี สุพรรณบุรี อ่างทอง อุทัยธานี

พื้นที่ควบคุม 25 จังหวัด 

กาฬสินธุ์ กำแพงเพชร ขอนแก่น จันทบุรี ชัยภูมิ ชุมพร ตรัง ตราด บุรีรัมย์ พัทลุง พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด เลย ศรีสะเกษ สตูล สระแก้ว สุโขทัย สุราษฎร์ธานี สุรินทร์ หนองบัวลำภู อุดรธานี อุบลราชธานี

พื้นที่เฝ้าระวังสูง 18 จังหวัด

เชียงราย เชียงใหม่ นครพนม น่าน บึงกาฬ พะเยา พังงา แพร่ ภูเก็ต มุกดาหาร แม่ฮ่องสอน ยโสธร ลำปาง ลำพูน สกลนคร หนองคาย อำนาจเจริญ อุตรดิตถ์

การปฎิบัติในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด

1. จำกัดการเคลื่อนย้าย และการดำเนินกิจกรรมของบุคคลให้มากที่สุด (เฉพาะ กทม.และปริมณฑล)

- กำหนดให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน ใช้การปฎิบัติงานในลักษณะ Work from home ให้มากที่สุด โดยไม่กระทบต่อการบริหารราชการแผ่นดินที่สำคัญ และการบริการประชาชน
- ระบบขนส่งสาธารณะ ปิดให้บริการได้ในห้วงเวลา 21.00 น. ถึง 03.00 น. ของวันรุ่งขึ้น
- ร้านสะดวกซื้อ ตลาดโต้รุ่ง ปิดเวลา 20.00 ถึง 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น
- ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ เปิดได้เฉพาะซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหารและเครื่องดื่ม ธนาคารและสถาบันการเงิน ร้านขายยาและเวชภัณฑ์ ร้านอุปกรณ์เครื่องมือสื่อสาร รวมถึงสถานที่ฉีดวัคซีน เปิดได้ถึงเวลา 20.00 น.
- ร้านจำหน่ายอาหาร หรือเครื่องดื่ม ห้ามบริโภคอาหาร หรือสุรา หรือเครื่องดื่มในร้าน โดยเปิดได้ถึงเวลา 20.00 น.
- ปิดสถานที่เสี่ยงต่อการติดโรค ได้แก่ นวดเพื่อสุขภาพ สปา สถานเสริมความงาม
- สวนสาธารณะ สามารถเปิดให้บริการสำหรับการออกกำลังกายได้ถึงเวลา 20.00 น.
- ห้ามการรวมกลุ่มทำกิจกรรมทางสังคม ที่ไม่ใช่การปฏิบัติหน้าที่ การประกอบอาชีพ หรือกิจกรรมทางศาสนา หรือกิจกรรมตามประเพณี ที่มีการรวมตัวกันของบุคคลตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป

2. ห้ามการเดินทางที่ไม่จำเป็น และห้ามออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 21.00 ถึง 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น เว้นแต่มีความจำเป็นยิ่ง หรือได้รับอนุญาตเป็นรายกรณี

3. การควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดในกลุ่มแรงงานก่อสร้าง ยังคงเป็นไปตามข้อกำหนดของ ศบค.ที่ได้มีประกาศไปแล้วก่อนหน้านี้

4. กำกับดูแลให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันส่วนบุคคล (DMHTTA) อย่างสูงสุด

5. ให้เริ่มดำเนินการตามข้อ 1-4 ตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค.2564 เป็นต้นไป และให้นำมาตรการควบคุมแบบบูรณาการสำหร้บพื้นที่ระดับสถานการณ์ต่างๆ ข้อห้าม และข้อปฏิบัติตามข้อกำหนด (ฉบับที่ 24,25,26) มาบังคับเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับข้อกำหนดนี้

6. ให้หน่วยงานด้านความมั่นคงจัดตั้งจุดตรวจจุดสกัด และชุดลาดตระเวน เพื่อกำกับดูแลการปฏิบัติอย่างเข้มงวด ทั้งนี้กรณีตรวจพบผู้ฝ่าฝืนให้บังคับใช้บทลงโทษตามแห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 และ พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558

7. สถานศึกษาใช้การเรียนการสอน หรือกิจกรรมเพื่อการสื่อสารแบบทางไกล หรือด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์

162582805979

162582807635

มาตรการด้านการแพทย์ และสาธารณสุขในพื้นที่กรุงเทพฯ และจังหวัดปริมณฑล

1.กระทรวงสาธารณสุข โรงงาน กรุงเทพฯ และจังหวัดปริมณฑล เร่งรัดให้มีการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงระบบ การตรวจหาเชื้อ อย่างเพียงพอ

2. กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับกรุงเทพฯ และจังหวัดปริมณฑล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดนำระบบการแยกกัก แบบการแยกกักที่บ้าน (HI : Home Isolation) และการแยกกักในชุมชน (CI : Community Isolation) รวมทั้งการใช้ยาสมุนไพรในบัญชียาหลัก ได้แก่ ยาฟ้าทะลายโจร เป็นต้น มาเสริมเพิ่มมาตรการรักษาพยาบาลที่มีอยู่ในปัจจุบัน เพื่อทดแทนการขาดแคลนเตียงพยาบาลตามโรงพยาบาลต่างๆ

3. กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับกรุงเทพฯ และจังหวัดปริมณฑล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดการจัดตั้ง ICU สนาม และ รพ.สนาม รวมถึง รพ.สนามชุมชน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรักษาพยาบาล ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และมีจำนวนมากพอ

4. กระทรวงสาธารณสุขปรับแผนการกระจายวัคซีน และเร่งการฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจาตัวและโรคเรื้อรังในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล รวมทั้งเร่งรัดการฉีดวัคซีนในพื้นที่การแพร่ระบาดเป็นกลุ่มก้อน (Cluster) ให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด

5. ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่งเสริมและสนับสนุนการมีส่วนร่วมของภาคเอกชน ภาคประชาชน ภาคประชาสังคม ในการป้องกันส่วนบุคคล การตรวจหาเชื้อ และการรักษาพยาบาลให้มีประสิทธิภาพ

6. ให้ ศบศ.เร่งรัดกำหนดมาตรการเยียวยาสถานประกอบการ หรือพนักงานที่ได้รับผลกระทบจากการกำหนดมาตรการในครั้งนี้ ตามความจำเป็นของแต่ละพื้นที่

162583146996

162583125210