‘อเมริกัน เอ็กซ์เพรส’มั่นใจหลังโควิด‘ลูกค้าไฮเอ็นท์’ดันยอดใช้จ่ายผ่านบัตรฯทะลุ2.5เท่า
“อเมริกัน เอ็กซ์เพรส”จับมือ “แบงก์กรุงเทพ” ขยายฐานร้านค้ารับบัตร เจาะกลุ่มลูกค้าไฮเอ็นท์ พร้อม ปรับสิทธิประโยชน์ เน้นช้อปปิ้งและฟู้ดดิลิเวอร์รี่ หวังกระตุ้นการใช้ครึ่งหลังปีนี้ มั่นใจพ้นวิกฤติดันยอดใช้จ่ายบัตรฯโตมากกว่าปัจจุบันที่2.5เท่า หลังครึ่งปีแรกนี้ยอดใช้จ่ายบัตรฯยังโตต่ำกว่าเป้า
นายมาร์ลิน บราวน์ ผู้จัดการใหญ่ ประจำประเทศไทย บริษัท อเมริกัน เอ็กซ์เพรส (ไทย) จำกัด เปิดเผยว่าในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมานี้ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ส่งผลให้ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรฯ ในไทย ต่ำกว่าเป้าหมายไว้ และในช่วงที่เหลืองปีนี้ยังประเมินสถานการณ์ได้ยาก
แต่เรามั่นใจว่าหลังจากวิกฤติในครั้งนี้ผ่านไปแล้ว เชื่อมั่นว่า ยอดการใช้จ่ายบัตรฯในไทย จะกลับมาเติบโตมากกว่าในปัจจุบันที่ไทย เป็นกลุ่มที่มียอดการใช้จ่ายผ่านบัตรสูงกว่าค่าเฉลี่ยถึง 2.5 เท่า จากฐานลูกค้าบัตรฯทั่วโลก114ล้านคน
ดังนั้นในช่วงเวลาเป็นการเตรียมตัวให้พร้อมรับการเติบโตในอนาคต ล่าสุดบริษัท เซ็นสัญญากับธนาคารกรุงเทพ ในการขยายฐานร้านค้าต่างๆในไทยซึ่งจะทำให้ทั้งสมาชิกบัตรอเมริกัน เอ็กซ์เพรส สามารถเข้าถึงระบบชำระค่าสินค้าและบริการ ผ่านเครื่องรูดบัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือ EDC จำนวนมาก
ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในจุดยุทธศาสตร์ทางธุรกิจที่สำคัญของอเมริกัน เอ็กซ์เพรส และความร่วมมือในระยะยาวกับธนาคารกรุงเทพในครั้งนี้จะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้อเมริกัน เอ็กซ์เพรสสามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในฐานลูกค้าระดับบนที่มีรายได้สูง
“เครือข่ายร้านค้ารับบัตรที่เพิ่มมากขึ้น จะช่วยให้สมาชิกบัตรมีช่องทางในการใช้จ่ายผ่านบัตรที่หลากหลายขึ้น ขณะเดียวกันจะช่วยขยายตลาดลูกค้าระดับบนไปสู่ร้านค้าต่าง ๆ ในประเทศไทย นอกจากนี้ เรายังเชื่อมั่นว่าเมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ผ่อนคลายลง สมาชิกบัตรอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ทั่วโลก จะพร้อมใจกลับมาท่องเที่ยวในประเทศไทย ซื่งถือเป็นหนึ่งในจุดหมายยอดนิยมอีกครั้ง ซึ่งจะเป็นโอกาสอันดีในการเพิ่มยอดใช้จ่ายให้กับสถานธุรกิจในประเทศไทยให้เติบโตยิ่งขึ้น”
สำหรับอเมริกัน เอ็กซ์เพรส และธนาคารกรุงเทพได้ร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกันมาตั้งแต่ปี 2542 โดยธนาคารได้ออกผลิตภัณฑ์บัตรร่วมกับอเมริกัน เอ็กซ์เพรส มาแล้ว 3 ผลิตภัณฑ์ ปัจจุบันธนาคารกรุงเทพเป็นผู้ให้บริการด้านร้านค้ารับบัตรชั้นนำของประเทศ มีเครือข่ายร้านค้าในหลากหลายธุรกิจ รวมกว่า 100,000 ร้านค้า ทำรายการผ่านเครื่องรูดบัตรกว่า 150,000 เครื่อง
โดยทั้งสององค์กร ยังมีแผนพัฒนาความร่วมมือระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง โดยอาศัยความแข็งแกร่งด้านการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มฟังก์ชันให้รองรับรูปแบบการชำระเงินได้อย่างหลากหลายและมีความปลอดภัย เช่น การพัฒนาระบบรับชำระเงินผ่านอินเทอร์เน็ตหรือ Internet Payment Gateway และ QR Payment ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มของธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่สามารถเติบโตได้ดีท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19