ก.ล.ต. นับหนึ่งไฟลิ่ง 'โคลเวอร์ เพาเวอร์ 'เตรียมพร้อมเข้าเทรดไตรมาส 3 นี้
'บมจ. โคลเวอร์ เพาเวอร์' เตรียมเสนอขายหุ้น IPO ไม่เกิน 320 ล้านหุ้น พร้อมนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดฯคาดภายในไตรมาสที่ 3 ของปี 2564 เดินหน้ารุกขยายธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทั้งในไทยและต่างประเทศ ก้าวสู่บริษัทพลังงานชั้นนำที่ส่งมอบคุณค่าจากพลัง
นายเศรษฐศิริ ศักดิ์สิทธิเสรีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โคลเวอร์ เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CV เปิดเผยว่า บริษัทถือเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน และเป็นผู้ให้บริการทางด้านวิศวกรรมครบวงจร ทั้งการออกแบบ ก่อสร้างโรงไฟฟ้า บริการเดินเครื่องและบำรุงรักษา ตลอดจนลงทุนในธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับพลังงานหมุนเวียนทั้งในและต่างประเทศ โดยนำเอาประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจด้านพลังงานหมุนเวียนกว่า 15 ปี ด้วยทีมวิศวกรที่มีประสบการณ์ ความชำนาญงานด้านวิศวกรรมการออกแบบและก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน (EPC Turnkey) เข้ามาขับเคลื่อนธุรกิจด้านโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนพัฒนาและลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน และ/หรือพลังงานสะอาด รวมถึงวางแผนเข้าร่วมลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับห่วงโซ่คุณค่าในการดำเนินธุรกิจ ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายและกลยุทธ์ด้านการสร้างความมั่นคงทางธุรกิจและการเติบโตอย่างต่อเนื่อง สร้างโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงของเมกะเทรนด์ที่มีเทคโนโลยีเป็นตัวขับเคลื่อน ทำให้ CV ก้าวสู่บริษัทพลังงานชั้นนำที่ส่งมอบคุณค่าจากพลังงานหมุนเวียนเพื่อการใช้ชีวิตของมนุษย์ และสังคมโลกอย่างสมดุลและยั่งยืนในอนาคต
ส่วนผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2564 (สิ้นสุด 31 มีนาคม 2564) บริษัท มีรายได้รวมจากการดำเนินงาน 358.06 ล้านบาท โดยมาจากการขายไฟฟ้าจากโครงการโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินงานเชิงพาณิชย์ 4 แห่ง ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล 3 โครงการ ได้แก่ จังหวัดแพร่ พิษณุโลก และสงขลา โครงการโรงไฟฟ้าขยะที่ 1 โครงการ ที่จังหวัดพิจิตร และมีรายได้จากการขายเครื่องจักรและให้บริการวิศวกรรมก่อสร้างต่อเนื่องจากสัญญางาน รวมถึงมีรายได้จากการให้บริการ เดินเครื่องและงานซ่อมบำรุง ขณะที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 26.68 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 7.29 % ตามลำดับ
นายดิถดนัย สังขะรมย์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า หลังจาก บมจ. โคลเวอร์ เพาเวอร์' หรือ CV ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (Filing) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 320,000,000 หุ้น หรือคิดเป็นไม่เกินร้อยละ 25.00 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ ล่าสุด สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) ได้นับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูล (Filing) แล้ว
ปัจจุบัน CV มีทุนจดทะเบียน 640,000,000 บาท เป็นหุ้นสามัญจำนวน 1,280,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท โดยมีทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วจำนวน 480,000,000 บาท ในการระดมทุนครั้งนี้จะนำเงินที่ได้ไปขยายธุรกิจทั้งในประเทศ และต่างประเทศ รวมถึงชำระเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินและเงินกู้ยืมกรรมการ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกลุ่มบริษัทฯ ตามแผนคาดว่า CV จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ภายในไตรมาสที่ 3 ของปี 2564
ปัจจุบัน CV ประกอบธุรกิจด้านพลังงานหมุนเวียนแบบครบวงจร โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ธุรกิจหลัก ได้แก่ 1) ธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า (Power Producer) มุ่งเน้นพัฒนาและกระจายการลงทุนในโรงไฟฟ้าที่ใช้เทคโนโลยีจากพลังงานหมุนเวียน โดยมีโครงการที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วจำนวน 4 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 26.2 เมกะวัตต์ (ปริมาณพลังงานไฟฟ้าเสนอขายตามสัดส่วนการถือหุ้น 16.69 เมกะวัตต์) แบ่งเป็น โรงไฟฟ้าชีวมวลจำนวน 3 โครงการดำเนินการภายใต้บริษัท CV, CPL และ RTB และโรงไฟฟ้าขยะ จำนวน 1 โครงการ ดำเนินการภายใต้ CPX ได้แก่
1.1 โครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล โคลเวอร์ เพาเวอร์ (CV) อ.วังชิ้น จ.แพร่ กำลังการผลิตติดตั้ง 9.4 เมกะวัตต์
1.2 โครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล โคลเวอร์ พิษณุโลก (CPL) อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก กำลังการผลิตติดตั้ง 4.9 เมกะวัตต์
1.3โครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล รุ่งทิวา ไบโอแมส (RTB) อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา กำลังการผลิตติดตั้ง 9.9 เมกะวัตต์
1.4โครงการโรงไฟฟ้าขยะ โคลเวอร์ พิจิตร (CPX) อ.วชิรบารมี จ.พิจิตร กำลังการผลิตติดตั้ง 2.0 เมกะวัตต์
นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทฯ ยังมีโครงการโรงคัดแยกและแปรรูปขยะ เพื่อผลิตเป็นเชื้อเพลิงขยะ (Refuse Derived Fuel: RDF) ที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง จำนวน 1 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตประมาณ 150 ตัน/วัน และโครงการโรงไฟฟ้าแบบพลังงานความร้อนร่วมใช้ก๊าชธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลัก ซึ่งอยู่ระหว่างเข้าซื้อกิจการ จำนวน 1 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 7.36 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลในประเทศญี่ปุ่น ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวมประมาณ 40.0 เมกะวัตต์ โดยปัจจุบันอยู่ในระหว่างดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งใบอนุญาตที่เกี่ยวข้อง
(2) ธุรกิจด้านงานวิศวกรรม (Valued EPC) มุ่งเน้นให้บริการงานก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนจากเชื้อเพลิงชีวมวล ขยะและชีวภาพ และงานก่อสร้างอาคารและโครงสร้างพื้นฐานทั่วไป ตั้งแต่งานด้านการออกแบบ จัดหาเครื่องจักรและอุปกรณ์ และก่อสร้าง (Engineering Procurement and Construction: EPC) แบบครบวงจร ให้แก่ โรงไฟฟ้าของกลุ่มบริษัทฯ และลูกค้าทั่วไป โดยดำเนินกิจการภายใต้ บริษัท ศแบง คอร์ปอเรชั่น จำกัด และ บริษัท ศแบง เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ที่บริษัทฯ ถือหุ้นร้อยละ 100
และ (3) ธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Supporting) ให้บริการเดินเครื่องและบำรุงรักษา (Operation and Maintenance: O&M) ให้แก่ลูกค้าโรงไฟฟ้าทั่วไป พร้อมมุ่งเน้นให้บริการเดินเครื่องและบำรุงรักษาโรงไฟฟ้ากลุ่มพลังงานจากพลังงานหมุนเวียน ทั้งนี้ บริษัทฯ มีทีมวิศวกรและผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการปฎิบัติงานเดินเครื่องและบำรุงรักษาที่พร้อมให้บริการอย่างครบวงจร
"จุดเด่นของ CV คือ การดำเนินธุรกิจในด้านพลังงานหมุนเวียนและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับพลังงานหมุนเวียน โดยมุ่งเน้นลงทุนในกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนควบคู่กับงานด้านวิศวกรรม EPC Turnkey แบบครบวงจรในกลุ่มเทคโนโลยีพลังงานจากเชื้อเพลิงชีวภาพ อาทิ ชีวมวล ขยะ และก๊าซชีวภาพ และพลังงานสะอาด ถือเป็นหนึ่งในการขยายการลงทุนตามโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานทั้งประเทศไทยและต่างประเทศ สอดรับอุตสาหกรรมด้านพลังงานหมุนเวียนที่กำลังเติบโต ซึ่งช่วยสร้างความมั่นคงด้านเชื้อเพลิงในธุรกิจโรงไฟฟ้า ส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชน รวมถึงช่วยสร้างโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต" นายเศรษฐศิริ กล่าว