'Honda' เปิดตัว 'Civic' ใหม่ ราคาถูกลง เริ่ม 964,000 บาท

ฮอนด้า ซีวิค ถือเป็นสินค้าสำคัญของฮอนด้าในประเทศไทย หากจะย้อนกลับไปดูข้อมูลก็จะพบว่า ซีวิคนั้นเข้ามาทำตลาดตั้งแต่ปี 2527 โดยตลอดเวลาในการทำตลาด 37 ปี มียอดขายสะสมกว่า 6 แสนคัน 

ฮอนดี้ ซีวิค เกิดขึ้นในโลกนี้ปี 2515 หรือ และตั้งแต่เจเนอเรชั่นแรก ถึงเจเนอเรชั่น 10 มียอดขายใน 170 ประเทศทั่วโลกมากกว่า 27 ล้านคัน

และรุ่นใหม่ เจเนอเรชั่น 11 เปิดตัวไปสักพักแล้วที่อเมริกา เริ่มจากรุ่นซีดาน ก่อนตามด้วยแฮทช์แบค 2 ขนาดเครื่องยนต์คือ 2.0 ลิตร และ 1.5 ลิตร เทอร์โบ

และวันนี้ (6 สิงหาคม 2564) ก็ถึงเวลาของเจเนเรชั่น 11 กับตลาดประเทศไทย ที่เปิดตัวเป็นประเทศแรกนอกอเมริกาเหนือ 

รุ่นแรกที่เปิดตัว เป็นตัวถังซีดาน มี 3 รุ่นย่อย คือ

• EL ราคา 964,000 บาท
• EL+ ราคา 1,009,900 บาท
• RS ราคา 1,199,000 บาท  

ซึ่งหากเทียบกับรุ่นเดิม จะพบว่าราคารุ่นใหม่ ลดลงเล็กน้อย โดยโฉมเดิมในตัวถังซีดาน มี 2 รุ่น 1.5 เทอร์โบ ราคา 1,104,000 บาท และ 1.5 เทอร์โบ อาร์เอส 1,219,000 บาท 

และมีเครื่่องยนต์ตัวเดียวคือ เบนซิน 1.5 ลิตร VTEC Turbo ทั้ง 3 รุ่นย่อย 

เป็นเครื่องยนต์ตัวเดิม แต่ปรับปรุงใหม่ให้มีสมรรถนะที่ดีขึ้นกว่าเดิม 

• กำลังสูงสุด  178 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที 
• แรงบิดสูงสุด 240 นิวตัน-เมตร ที่ 1,700-4,500 รอบ/นาที

ส่วนเครื่องยนต์ 1.5 เทอร์โบ ตัวเดิมที่ใช้ใน ซีวิค เจเนอเรชั่น 10 และได้รับการยอมรับว่าร้อนแรง เร้าใจนั้น 

ให้กำลังสูงสุด 173 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 220 นิวตันเมตร 

ส่วนเกียร์ เป็นเกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อมโหมดการขับขี่ให้เลือกคือ 

• ECON Mode - สำหรับผู้ที่ต้องการการขับขี่แบบประหยัด ระบบจะปรับการทำงานของเครื่องยนต์ให้สัมพันธ์กับการ
• ขับขี่
• Normal Mode - โหมดการขับขี่แบบปกติ สำหรับการขับขี่ใช้งานโดยทั่วไป
• Sport Mode - โหมดการขับขี่แบบสปอร์ต มีเฉพาะในรุ่น RS เท่านั้น ระบบนี้จะควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ตอบสนองการเร่งได้ดียิ่งขึ้นเพื่อการขับขี่ที่สนุกเร้าใจยิ่งขึ้น 

นอกจากนี้ RS ยังติดตั้งแระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย หรือ Paddle Shift มาให้ด้วย 

ฮอนด้า ระบุว่าเครื่องยนต์รองรับเชื้อเพลิงได้สูงสุดคือ E85 และมีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยอยู่ที่ 17.2 กิโลเมตร/ลิตร

พวงมาลัย ดูอัลพิเนียน เพาเวอร์ผ่อนแรงไฟฟ้า เบรกเป็นดิสค์เบรกหน้า-หลัง ระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระแมคเฟอร์สัน สตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังมัลติลิงค์ พร้อมเหล็กกันโคลง 

ซีวิค ใหม่ มาพร้อมกับจุดขายสำคัญคือ Honda SENSING ที่พัฒนาขึ้นอีกขั้น ด้วยการเพิ่มเติมระบบใหม่เข้ามาคือ ระบบ Lead Car Departure Notification System (LCDN) หรือการเตือน เมื่อรถคันหน้าเคลื่่อนที่

ส่วนระบบอื่นๆ ใน Honda SENSING ประกอบด้วย 

• ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB) ใหม่
• ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS) ซึ่งจะเตือนผู้ขับขี่ให้ลดความเร็วหากพบว่ามีสิ่งกีดขวางด้านหน้า ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์ จักรยานยนต์ จักรยาน คนเดินถนน ่ในระยะไม่ปลอดภัย และหากพบว่ามีความเสี่ยงที่จะชน ระบบจะช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ เพื่อหลีกเลี่ยงการชนหรือลดความรุนแรงลง 
• ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACCwith LSF)
• ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
• ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)

ซึ่งทั้งหมดนี้ ฮอนด้าใส่มาในรุ่นย่อยครบทุกรุ่น 

ส่วนออปชั่นเรื่องความปลอดภัย และระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่ติดตั้งมาให้ประกอบด้วย 

• ระบบควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (VSC)
• ระบบเบรกเอบีเอส และระบบกระจายแรงเบรก 
• ถุงลม คู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมป้องกันศีรษะ
• เข็มขัดนิรภัย 3 จุด 5 ตำแหน่ง 
• กล้องมองภาพด้านหลัง ปรับมุมมอง 3 ระดับ
• สัญญาณไฟฉุกเฉินเมื่อเบรกกะทันหัน 
• ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (เฉพาะ RS)
• เบรกมือไฟฟ้า 
• ระบบออโต้เบรกโฮลด์ ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน
• จอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT โดยรุ่น RS ขนาด 10.2 นิ้ว อีก 2 รุ่นขนาด 7 นิ้ว 

ส่วนระบบความสะดวกสบาย และความบันเทิง แตกต่างกันไปในแต่ละรุ่นย่อย หลักๆ เช่นระบบปรับอากาศอัตโนมัติ (รุ่น RS เป็นแบบแยกโซนซ้าย-ขวา) 

• เบาะนั่งฝั่งผู้ขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง (EL+, RS) เบาะผู้โดยสารปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง (RS) กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติ (RS) ระบบชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย (RS) ระบบนำทาง (RS) 
• รุ่น EL และ EL+ ติดตั้งเครื่องเสียงพร้อมจอสัมผัส 7 นิ้ว รองรับแอ๊ปเปิ้ล คาร์เพลย์ ส่วน RS จอ 9 นิ้ว และรองรับแอ๊ปเปิ้ลคาร์เพลย์แบบไร้สาย 
• EL มีลำโพง 4 ดอก อีก 2 รุ่น 8 ดอก 
• ยูเอสบี EL มี 1 ตำแหน่ง EL+ 3 ตำแหน่ง RS 4 ตำแหน่ง 
• ระบบเชื่อมต่อ Honda Connect มีเฉพาะ RS

ที่มีเหมือนกันทุกรุ่นย่อย คือ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น ระบบสั่งการด้วยเสียง บลูทูธ 

ด้านการออกแบบ เห็นได้ชัดว่า ซีวิค ใหม่ เน้นความเรียบง่ายมากขึ้น เพื่อช่วยให้รถดูมีความพรีเมียมมากขึ้นกว่าเดิม ทั้งภายนอกและภายใน แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน 

ไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ (RS เป็น LED) ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน ไฟตัดหมอกคู่หน้าและไฟท้ายแบบ LED เสาอากาศแบบครีบฉลาม และล้ออัลลอยรูปแบบใหม่ โดย EL และ EL+ ขนาด 16 นิ้ว ส่วน RS 17 นิ้ว 

ส่วนตัวถังมีขนาดความยาว 4,678 มม. กว้าง 1,802 มม. สูง 1,415 มม. ระยะฐานล้อ 2,733 มม. ซึ่งหากเทียบกับ เจเนอเรชั่น 10 รุ่นใหม่ ยาวขึ้น 30 มม. กว้างขึ้น 3 มม. เตี้ยลงเล็กน้อย 1 มม. และระยะฐานล้อยาวขึ้น 35 มม. 

โดยช่วงเปิดตัว ฮอนด้ามีแคมเปญส่งเสริมการขายเพื่อกระตุ้นตลาดทันที คือ 

• ดอกเบี้ย 2.99% 
• แถมประกันภัย 1 ปี
• แถมบัตรเติมน้ำมันมูลค่า 5,000 บาท สำหรับผู้ที่จองและรับรถภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2564

ส่วนใครที่ชื่นชอบการแต่งรถ หรืออารมณ์สปอร์ต ฮอนด้า จัดชุดแต่งโมดูโลมาเป็นทางเลือกให้อีกหลายรายการ เช่น 

• สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรก 10,000 บาท 
• แป้นวางเท้าแบบสปอร์ต 1,800 บาท 
• คิ้วบันได LED 5,100 บาท
• ฝาครอบกระจกมองข้าง 1,000 บาท 
• คิ้วตกแต่งซุ้มล้อด้านหน้า 1,950 บาท 
• ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว 5,250 บาท 
• คิ้วตกแต่งกระจังหน้าราคา 3,900 บาท
• คิ้วตกแต่งกันชนหลัง ราคา 5,900 บาท
• ไฟส่องสว่างที่เท้า ราคา 2,200 บาท

หรือจะเลือกเป็นแพคเกจก็ได้เช่นกัน ซึ่งมีทั้งหมด 4 แพคเกจ คือ 

• Exhaust Pipe Finisher Package 1,950 บาท ประกอบด้วยปลอกท่อไอเสียสเตนเลส 2 ชิ้น
• Sport Package  8,900บาท ประกอบด้วย คิ้วตกแต่งกระจังหน้า และคิ้วตกแต่งกันชนหลัง
• Exclusive Sport Packageราคา 17,200 บาท ประกอบด้วย คิ้วตกแต่งกระจังหน้าคิ้วตกแต่งกันชนหลังและ สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรก
• Modulo Aero Packageราคา 18,500 บาท ประกอบด้วย สเกิร์ตหน้า สเกิร์ตข้าง และสเกิร์ตหลัง