อัปเดต ปมกราดยิงในกรมยุทธศึกษาทหารบก จับตา "จ่าคลั่ง" ประเมินอาการทางประสาท
ความคืบหน้าอัปเดต ปมกราดยิงในกรมยุทธศึกษาทหารบก จับตา "จ่าคลั่ง" ประเมินอาการทางประสาท ยังไม่มีกำหนดนำตัวส่งฝากขังศาลทหาร
ตำรวจยังคุมตัวทหาร "จ่าคลั่ง" สอบสวน คดีกราดยิงในกรมยุทธศึกษาทหารบก เจ้าตัวยังให้การสับสน ตำรวจประสานแพทย์เจ้าของไข้ขอข้อมูลหลังครอบครัวนำเอกสารรักษาตัวระบบประสาท ปี 2559 ประกอบสำนวน รองโฆษกตร.แจง สอบพยานแล้ว 10 ปาก ยังไม่แจ้งข้อหา คาดเข้าข่ายความผิด 4 ข้อหาหลัก รอแพทย์ประเมินอาการ ยันยุทธวิธีเจรจา-ระงับเหตุปกติ เน้นความปลอดภัย
ภายหลังตำรวจเข้าจับกุม จ่าสิบเอก ยงยุทธ มังกรกิม เสมียน วิทยาลัยการทัพบก ใช้อาวุธปืนยิงทหารเพื่อนร่วมงานเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ ก่อนนำตัวมาสอบปากคำที่ สน.ดุสิต ล่าสุดบรรยากาศช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ยังปิดกั้นไม่ให้สื่อมวลชนข้ามแนวสะพานข้ามคลองไปภายในพื้นที่ สน.ดุสิต
จากการสังเกตการณ์บริเวณฝั่งตรงข้ามพบว่า ตำรวจได้ควบคุมตัวจ่าสิบเอกยงยุทธ ออกจากห้องขังลงมาขึ้นรถคุมขังและมีการขับออกจากสน. ไปก่อนที่จะใช้เวลาประมาณ 20 นาทีจึงมีการวนรถกลับมาและคุมตัวจ่าสิบเอกยงยุทธกลับเข้าสู่ห้องขังตามปกติ โดยไม่มีการเปิดเผยข้อมูลใดๆทั้งสิ้น
ด้านพ.ต.อ.อาคม ชุมพรัตน์ ผกก.สน.ดุสิต เปิดเผยว่า ในวันนี้ยังไม่มีกำหนดนำตัวส่งฝากขังศาลทหารแต่อย่างใด ส่วนที่มีการคุมตัวออกไปจากสน.เมื่อช่วงเช้านั้น ยังไม่ทราบรายละเอียดจากพนักงานสอบสวน อยู่ระหว่างรอรายงาน
ขณะที่ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางมาติดตามความคืบหน้าที่ สน.ดุสิต ได้เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพบว่าขณะนี้ตัวผู้ต้องหายังคงให้การสับสน ยังไม่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ทำให้การสอบสวนขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้า แต่ทราบว่าทางครอบครัวผู้ก่อเหตุมีการนำเอกสารการรักษาตัวของผู้ต้องหาเกี่ยวกับระบบประสาท เมื่อปี 2559 เข้ามายื่นให้พนักงานสอบสวน ประกอบสำนวน
“พนักงานสอบสวน อยู่ระหว่างการประสานแพทย์เจ้าของไข้ผู้ก่อเหตุเพื่อจะดำเนินการขอข้อมูลและส่งตัวผู้ต้องหาตรวจสอบอีกครั้ง ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการรอการตอบกลับ ซึ่งพนักงานสอบสวนมีเวลาในการดำเนินการ ภายใน 48 ชั่วโมงหากครบกำหนดระยะเวลาจะต้องคุมตัวส่งฝากขังต่อศาลทหาร”
พ.ต.อ.กฤษณะระบุอีกว่า สำหรับความคืบหน้าทางคดี ขณะนี้มีการสอบปากคำพยานในคดีนี้ไปแล้ว 10 ปาก ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งข้อหาใดๆเพราะผู้ต้องหายังไม่อยู่ในสภาพที่จะแจ้งข้อหาได้ แต่จากพฤติกรรมที่ผู้ต้องหาก่อเหตุ ก็เข้าข่ายความผิดหลักๆ 4 ข้อคือ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา , พยายามฆ่าผู้อื่น , พกพาอาวุธปืนไปในเมืองหรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร และยิงปืนในเมือง หรือ ทางสาธารณะ
“เบื้องต้นจะต้องรอการประเมินอาการทางประสาทจากแพทย์ผู้รักษาก่อน ส่วนที่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมามีการคุมตัวผู้ต้องหาออกไปและกลับเข้ามา ยังไม่ได้รับรายงานจึงไม่ทราบว่าพนักงานสอบสวน มีการคุมตัวออกไปทำอะไรบ้าง”
นอกจากนี้ พ.ต.อ.กฤษณะ ยังกล่าวถึงยุทธวิธีที่ตำรวจใช้ในการเข้าเจรจาและระงับเหตุเมื่อวานนี้ ถือเป็นยุทธวิธีปกติ ที่ตำรวจต้องสามารถเข้าควบคุมสถานการณ์ ให้ได้ เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน เช่นการประเมินผู้ก่อเหตุ และการปิดกั้นถนนโดยรอบจุดเกิดเหตุ และเริ่มเข้าเจรจา