"เขื่อนวังร่มเกล้า" จะลดการระบายน้ำลง "แม่น้ำสะแกกรัง"

เมื่อวันที่ 18 ก.ย. 65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์ระดับน้ำ ในแม่น้ำสะแกกรัง ที่ไหลผ่านตัวเมืองอุทัยธานี ยังคงต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าเขื่อนวังร่มเกล้า จะลดการระบายน้ำลงสู่ท้ายเขื่อน สู่แม่น้ำสะแกกรัง แล้วก็ตาม แต่เนื่องจากแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ไหลผ่านพื้นที่จังหวัดอุทัยธานี ยังมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยวัดอัตราการไหลผ่านได้ที่สถานวัดน้ำ C2 (เจ้าพระยา) จังหวัดนครสวรรค์ วันนี้ (18 ก.ย.) 2,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาทระบายน้ำด้วยปริมาณ 1,948 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

ซึ่งจากการตรวจสอบสภาพอากาศ คาดว่าจะมีฝนตกหนักลงมาอีกระลอก และจะทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา มีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ และเพื่อเป็นการบริหารจัดการน้ำที่เหมาะสม และเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบปริมาณน้ำในแม่น้ำสะแกกรังเอ่อล้นตลิ่งโครงการชลประทานจึงต้องปิดประตูระบายน้ำตามรอยเสด็จประพาสต้น และประตูระบายน้ำคลองขุมทรัพย์ ตำบลเกาะเทโพ อำเภอเมือง เพื่อไม่ให้ปริมาณน้ำทะเข้าสู่แม่น้ำสะแกกรัง เพื่อให้เหลือเพียงจุดเดียวที่บริเวณตำบลคุ้งสำเภา อำเภอมโนรมณ์ จังหวัดชัยนาท ให้น้ำหนุนไปตามธรรมชาติเท่านั้น ซึ่งทำให้แม่น้ำสะแกกรังยังสามารถรับมือได้

จากการสอบถาม นายสมชาย สุราฤทธิ์ อายุ 58 ปี หนึ่งในชาวแพสะแกกรัง ที่อาศัยอยู่ในเรือนแพ และ เลี้ยงปลากระชัง อยู่ในแม่น้ำสะแกกรัง เล่าว่า ขณะนี้น้ำในแม่น้ำสะแกกรัง ยังคงทรงตัวอยู่เท่าเดิม ผิดจาก 2 วันที่ผ่าน ที่ระดับน้ำนั้น เพิ่มสูงและเชี่ยวแรง เนื่องจากตอนนี้ทางชลประทาน ได้ทำการปรับลดการละบายน้ำเขื่อนวังร่มเกล้า ลงไป และปิดประตูระบายน้ำทั้ง 2 แห่งคือ ประตูระบายน้ำตามรอยเสด็จประพาสต้น และประตูระบายน้ำคลองขุมทรัพย์ ตำบลเกาะเทโพ อำเภอเมือง

ดังนั้น จึงทำให้น้ำในแม่น้ำสะแกกรัง มีระดับน้ำทรงตัว และยังไม่ได้รับผลกระทบกับชาวบ้านในพื้นที่ แต่ก็ต้องดูว่า จะมีมวลน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยา หนุนเข้ามาเพิ่มด้วยหรือไม่ เพราะแม่น้ำสะแกกรัง รับน้ำมาจาก 2 สาย คือ จากเขื่อนวังร่มเกล้า และจาก แม่น้ำเจ้าพระยา แต่สถานการณ์ โดยรวมในขณะนี้ ยังถือว่าไม่น่าเป็นห่วง และยังไม่กระทบต่อเรือนแพ หรือกระชังปลา แต่อย่างใด