เช็ก เขื่อนเจ้าพระยา ปรับเพิ่มระบายน้ำ รับมือน้ำเหนือ-ฝนตกหนัก
รายงานสถานการณ์น้ำ เขื่อนเจ้าพระยา เตรียมปรับเพิ่มการระบายน้ำ ไม่เกิน 2,100 ลบ.ม. รับมือน้ำเหนือ-ฝนตกหนัก
วันนี้ 27 กันยายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์น้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ยังคงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดทางเขื่อนเจ้าพระยามีการปรับแผนการบริหารจัดการน้ำเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพน้ำฝนและน้ำท่าของลุ่มน้ำเจ้าพระยา และจะมีการปรับเพิ่มการระบายน้ำผ่านเขื่อนในอัตราไม่เกิน 2,100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
ซึ่งสถานการณ์น้ำลุ่มเจ้าพระยาล่าสุดในวันนี้ ที่สถานีวัดน้ำ C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ที่มีปริมาณน้ำที่ไหลผ่าน อยู่ที่ 2,083 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ที่เขื่อนเจ้าพระยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท มีปริมาณน้ำทางด้านเหนือเขื่อนอยู่ที่ 16.49 เมตร/รทก. มีปริมาณน้ำทางด้านท้ายเขื่อนอยู่ที่ 14.45 เมตร/รทก. ซึ่งระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง 1.89 เมตร และเขื่อนเจ้าพระยามีอัตราการระบายน้ำลงสู่ท้ายเขื่อนอยู่ที่ 1,989 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งส่งผลทำให้ที่สถานีวัดน้ำ C.3 บ้านบางพุดทรา อ.เมือง จ.สิงห์บุรี มีปริมาณน้ำไหลผ่านจุดวัดอยู่ที่ 2,036 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
นายชวลิต ฉลอม ผู้อำนวยการส่วนบริหารจัดการน้ำและบำรุงรักษา สำนักงานชลประทานที่ 12 เปิดเผยว่า เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำเป็นไปอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์น้ำในปัจจุบัน เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา มีปริมาณฝนตกหนักและหนักมากในพื้นที่บริเวณตอนบนของลุ่มน้ำเจ้าพระยา จึงทำให้ระดับน้ำและปริมาณน้ำในแม่น้ำ ปิง วัง ยม น่าน มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
และจากการที่กรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ว่าในช่วงวันที่ 27 กันยายน – 1 ตุลาคม 2565 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังแรงขึ้น จะมีฝนเพิ่มมากขึ้นประกอบกับพายุไต้ฝุ่น โนรู มีแนวโน้มเคลื่อนเข้าสู่ประเทศเวียดนามและประเทศไทยบริเวณภาคเหนือและภาคกลางในระยะต่อไป จึงคาดการณ์ว่าจะมีปริมาณน้ำไหลเข้าสู่เขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มมากขึ้น จึงจำเป็นต้องปรับการบริหารจัดการน้ำเขื่อนเจ้าพระยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ให้สอดคล้องกับสภาพน้ำฝนและน้ำท่า
ซึ่งในปัจจุบัน เขื่อนเจ้าพระยามีอัตราการระบายน้ำอยู่ที่ 1,989 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ดังนั้นทางกรมชลประทานก็ได้มีการเตรียมปรับเพิ่มการระบายน้ำของเขื่อนเจ้าพระยา ในอัตราไม่เกิน 2,100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีแล้วคงอัตราดังกล่าวนี้ต่อเนื่อง
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด ตรวจสอบความมั่นคงอาคารป้องกันริมแม่น้ำและเสริมคันบริเวณจุดเสี่ยงที่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำ พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ข้อมูลและแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่นพื้นที่ริมแม่น้ำนอกคันกั้นน้ำให้เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด