ตรวจผับ-ร้านเหล้า 6 จุด กทม. จัดระเบียบสถานบันเทิง ลุยกลุ่มนายทุนต่างชาติ-นอมินี
2 บิ๊กตำรวจ สุรเชษฐ์-ต่อศักดิ์ นำกำลังตรวจผับ-ร้านเหล้า 6 จุด กทม. จัดระเบียบสถานบันเทิง ลุยกลุ่มนายทุนต่างชาติ-นอมินี เตรียมเอาผิดนายตำรวจกราวรูด
รองผบ.ตร. "ต่อศักดิ์" และ "บิ๊กโจ๊ก" พร้อมกำลังตำรวจท่องเที่ยวกว่า 200 นาย ตรวจค้นสถานบันเทิง 6 จุดทั่วกรุงเทพฯ หลังพบข้อมูลเป็นของกลุ่มนายทุนต่างชาติและนอมินี เน้นตรวจยาเสพติด อาวุธปืนและเด็ก ย้ำเตือนครั้งที่หนึ่ง ใช้ยาแรงจัดระเบียบสถานบันเทิง เตรียมเอาผิดนายตำรวจกราวรูด สน.ยานนาวา ปล่อยตัวนักเที่ยวชาวจีนผับดัง
กลางดึกที่ผ่านมา พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. , พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รองผบช.ภ.1 , พล.ต.ต.ภานพ วรธนัชชากุล ผบก.สปพ. , พร้อมชุดปฏิบัติการ บช.น. , บช.สอท. , บช.ปส. , บช.สตม. กองพิสูจน์หลักฐาน และ บช.ทท.กว่า 200 นาย เข้าตรวจค้นสถานบันเทิง 6 จุด ทั่ว กทม. ซึ่งเชื่อว่าเป็นของนายทุนต่างชาติ และนอมินี
ประกอบไปพื้นที่ มักกะสัน. ได้แก่ K Bangkok / Space พื้นที่ห้วยขวาง มี 3 จุด คือ Hollywood /Brooz / และ Asgard พื้นที่สุดท้ายคือคลองตัน คือ Baby Face
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า การลงพื้นที่ตรวจสอบสถานประกอบการครั้งนี้ ได้บูรณาการร่วมกันในส่วนงานป้องกันปราบปรามและงานสืบสวน โดยลงพื้นที่ 6 จุดทั่วกรุงเทพมหานคร ซึ่งใน 6 จุด จะมีสถานประกอบการบางแห่งที่ทางชุดทำงานของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ รองผบ.ตร.รับผิดชอบงานสืบสวน ขยายผลมาจากสถานประกอบการที่พัทยาที่มีนายทุนจีนร่วม โดยการตรวจสอบจะเน้นหนักไปที่ยาเสพติด อาวุธปืน และเด็ก ซึ่งหากพบว่าสถานประกอบการรายใดฝ่าฝืนต้องเพิกถอนใบอนุญาตสั่งปิด 5 ปี ซี่งเรื่องนี้ทางพล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. เน้นย้ำในการจัดระเบียบสถานประกอบการ
การที่สถานประกอบการปล่อยให้มียาเสพติด อาวุธปืน และเด็ก ทางสถานประกอบการต้องรับผิดชอบอย่างเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งงานป้องกันและงานสืบสวนจะทำงานร่วมกันเพื่อคุมเข้มจัดระเบียบสถานบันเทิงที่อาจเป็นต้นตอของการแพร่ระบาดของยาเสพติด
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ระบุอีกว่า สิ่งที่เป็นปัญหาตอนนี้คือการที่มีนายทุนต่างชาติเข้ามาประกอบธุรกิจที่บ้านเราและมามีอิทธิพลเป็นมาเฟีย ไม่เฉพาะแต่คนจีน แต่มีอีกหลายแก๊งที่เรากำลังสืบ จะเห็นได้ว่าเรามีการทำงานในหลายภาคส่วน มีตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจนครบาล ตำรวจภูธรต่างๆ บูรณาการร่วมกันทุกหน่วยงานเพื่อที่จะตัดวงจรไม่ให้มีมาเฟียต่างชาติมาใหญ่ในบ้านเรา
" ต่อไปจากนี้ท้องที่จะต้องลงมา ซึ่งทางผมและรองโจ๊กลงมาตรวจสอบด้วยตัวเอง ถ้าไม่สานต่อหากตรวจเจอท้องที่ต้องรับผิดชอบ เพราะถือว่าเป็นการเตือนครั้งที่หนึ่ง จะไม่มีครั้งที่สอง ซึ่งถ้าเจอสิ่งผิดกฎหมายต้องถูกปิดแน่ และหากแอบกลับมาเปิดอีกก็มีโทษจำคุก 1 ปี ซึ่งจะบังคับใช้กฎหมายจริงจัง ใช้ยาแรงเลยเพราะทางผบ.ตร.สั่งมาแล้ว ซึ่งได้ให้แนวทางการตรวจสอบกับสถานบันเทิงกับท้องที่แล้ว"
อย่างไรก็ตาม ต้องให้ความเป็นธรรมกับสถานบันเทิงผู้ประกอบการด้วย ในกรณีที่พบนักเที่ยวฉี่ม่วง แต่ไม่พบว่ามีการขายยาเสพติดในสถานบันเทิง ก็ตัองมาสืบว่ามีการอัพยาจากไหนเพื่อที่จะดำเนินการ ส่วนนี้ก็ว่าไปตามข้อเท็จจริงถ้าพบในสถานบันเทิงก็ต้องใช้ยาแรง
สอดรับกับทาง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ที่ระบุว่า การตรวจสอบประกอบการครั้งนี้ไม่ได้ เพ่งเล็งไปที่กลุ่มที่มีนายทุนจีนเท่านั้น ได้ตรวจสอบสถานประกอบการที่มีเจ้าของเป็นคนไทยเช่นกัน ซึ่งยอมรับว่าในการตรวจสอบก็มีบางส่วนที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ให้ข้อมูลมา ซึ่งในทางสืบสวนคดีที่มีนายทุนจีนเข้ามากระทำผิดกฎหมาย ทั้งเปิดผับโดยการนำยาเสพติดมาใช้มาจำหน่าย ผับศูนย์เหรียญต่างๆ
“ ยืนยันว่าตอนนี้ทางชุดสืบสวนมีข้อมูลครบแล้ว อยู่ระหว่างการดำเนินการขออำนาจศาลออกหมายจับดำเนินคดีภายในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตามในส่วนกรณีตำรวจโรงพักยานนาวาที่ไปเกี่ยวข้องกับการปล่อยตัวผู้ต้องหาชาวจีน ในวันนี้ (1 พ.ย.)จะแจ้งข้อกล่าวหาได้ ซึ่งในจำนวนนี้มีระดับรองผกก สารวัตรและรองสารวัตรที่เป็นพนักงานสอบสวน ซึ่งทางผบ.ตร.ได้ให้แนวทางนโยบายให้ดำเนินคดีทั้งหมด ที่ร่วมกันนำคนจีนไปฝากขังแต่ไม่แจ้งให้ทางตรวจคนเข้าเมืองทราบทำให้ถูกปล่อยตัวไป ซึ่งเราดำเนินคดีทั้งหมด”