ลุยค้น 11 จุด ทลายเครือข่าย "ผลิตยาแก้ไอปลอม" มูลค่า 70 ล้าน
ตำรวจ ปคบ. ระดมกำลัง ลุยค้น 11 จุด ทลายเครือข่ายผลิตยาแก้ไอปลอม มูลค่า 70 ล้านบาท
ปคบ.-อย. ลุยกวาดล้าง 11 จุด ทลายเครือข่ายผลิตยาแก้ไอปลอมรายใหญ่ ยึดของกลางมูลค่ากว่า 70 ล้านบาท พร้อมผู้ต้องหา 3 ราย พบแหล่งผลิตรายใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ดัดแปลงบ้านพักเป็นแหล่งเก็บวัตถุดิบลักลอบทำตั้งแต่ปี 2562 ใช้วิธีซื้อน้ำเชื่อมกลูโคส ผสมกลิ่น-ผลิตฉลากปลอม กระจายขายทั่วประเทศ เร่งขยายผลหาผู้เกี่ยวข้อง
ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ. และเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ร่วมกันแถลงผลกวาดล้างจับกุมเครือข่ายผู้ผลิตและขายยาแก้ไอปลอมรายใหญ่ หลังเปิดนำกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช และ จ.ภูเก็ต รวม 11 จุด แจ้งดำเนินคดีกับผู้ต้องหา 3 ราย พร้อมตรวจยึดของกลางที่เกี่ยวข้องมากกว่า 80 รายการ มูลค่าความเสียหายรวมประมาณ 70,000,000 บาท
พล.ต.ต.อนันต์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากได้รับเบาะแสมีผู้ลักลอบผลิตยาแก้ไอปลอม ออกจำหน่ายตามร้านขายยาเป็นจำนวนมาก จึงจัดกำลังลงพื้นที่สืบสวนจนทราบว่า มีแหล่งผลิตรายใหญ่ตั้งอยู่ในพื้นที่จ.นครศรีธรรมราช และมีจุดกระจายสินค้าอยู่ที่ จ.ภูเก็ต อีกทั้งยังมีการดัดแปลงสถานที่จากเดิมเป็นบ้านพัก เพื่อใช้เป็นจุดเก็บขวดเปล่า จุดผสมวัตถุดิบ จุดบรรจุ จุดเก็บผลิตภัณฑ์ และจุดกระจายสินค้า ให้ยากต่อการตรวจสอบ จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายดังกล่าวทั้ง 11 จุด
พ.ต.อ.ธรากร กล่าวว่า ทั้งนี้จากการตรวจค้นเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึด ยาแก้ไอปลอม 66,750 ขวด, ยาแก้ไอยี่ห้ออื่นๆ (ของจริง) จำนวน 18,600 ขวด, ผลิตภัณฑ์ยาอื่น ๆ, วัตถุดิบที่ใช้ผลิตยาแก้ไอปลอม เครื่องจักรและอุปกรณ์ต่าง ๆ รวมถึงพยานหลักฐานอื่น ๆ ในคดี จำนวนมากกว่า 80 รายการ มูลค่าความเสียหายประมาณ 70 ล้านบาท
ตำรวจดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดจำนวน 3 ราย ประกอบด้วย นายภพ น.ส.ชญาภา สองสามีภรรยา และ นายเริงชัย ในความผิดฐาน “ร่วมกันผลิตและจำหน่ายยาปลอม และ ร่วมกันผลิตและขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต"
นอกจากนี้ในขณะที่เข้าตรวจค้นยังได้ทำการจับกุมตัว นายอนุพงษ์ (สงวนนามสกุล) ลูกน้องของนายเริงชัย ในข้อหา “ครอบครอบอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต” อีกด้วย หลังพบมีการครอบครองอาวุธปืนขนาด 9 มม. 1 กระบอก พร้อมด้วยกระสุนปืน จำนวน 44 นัด
พ.ต.อ.เนติ กล่าวว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพว่า โรงงานดังกล่าวเป็นของ นายภพ และ น.ส.ชญาภา สองสามีภรรยา โดยให้ นายเริงชัย ทำหน้าที่เป็นผู้ควบคุมดูแลการผลิต และ ให้ นายสุนันท์ ซึ่งเป็นลูกน้องคนสนิทของนายภพ ดูแลด้านการเงินและการจัดจำหน่าย ซึ่งขณะนี้ได้มีการประสานติดต่อจะขอเข้ามอบตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ขบวนการดังกล่าวลักลอบผลิตและจำหน่ายมาตั้งแต่ปี 2562 เริ่มจากผลิตยาแก้ไอปลอมยี่ห้อ Datissin (ฝาแดง) กระทั่งต้นปีที่ผ่านมา จึงเริ่มเปลี่ยนมาผลิตยาแก้ไอปลอมยี่ห้อ Diphenyl (ไก่แดง) แทน ส่วนยาแก้ไอปลอมยี่ห้ออื่นๆที่ตรวจยึดได้อีกนั้น ทราบว่าเป็นการสั่งซื้อมาจากบุคคลอื่น อยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผล”
พ.ต.อ.เนติ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้จากแนวทางสืบสวนยังทราบว่า รูปแบบการผลิตยาแก้ไอปลอมของขบวนการดังกล่าวจะเริ่มจากการสั่งซื้อน้ำเชื่อมกลูโคส หรือสารให้ความหวานแทนน้ำตาล, กลิ่นราสเบอรี่ เฟเวอร์ และมีการสั่งผลิตฉลากปลอมจากบริษัทต่าง ๆ ในพื้นที่ กทม. อีกทั้งยังพบว่า เครือข่ายดังกล่าวมีการกระสินค้ายาแก้ไอปลอมไปในหลายจังหวัดทั่วประเทศ เช่น กทม., ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, ระยอง, นครปฐม, สมุทรสาคร, ภูเก็ต, ชุมพร, สุราษฎร์ธานี และอุบลราชธานี โดยตั้งแต่เดือนเมษายน 2564 ถึงปัจจุบัน เครือข่ายของนายภพ มีรายได้จากการจำหน่ายยาแก้ไอปลอมมากกว่า 80 ล้านบาท