ฝากขัง "ตู้ ห่าว" ไม่เครียด! "บิ๊กโจ๊ก" ลั่นปิดคดีทุนจีนสีเทา

ฝากขัง "ตู้ ห่าว" ไม่เครียด! "บิ๊กโจ๊ก" ลั่นปิดคดีทุนจีนสีเทา

ตำรวจคุมตัว "ตู้ ห่าว" ฝากขังศาลอาญา ผู้ต้องหาไม่เครียด เตรียมหลักทรัพย์ยื่นประกันตัว ด้าน"รองโจ๊ก" ลั่นปิดคดีทุนจีนสีเทา

กรณีนายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ ตู้ห่าว ได้เข้ามอบตัวกับทางพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร.เมื่อวานนี้ ก่อนคุมตัวสอบสวนเพิ่มเติมที่สน.ยานนาวา

ล่าสุดช่วงเช้าที่ผ่านมาพนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา นำตัวนายชัยณัฐร์กรณ์ ชายานันท์ หรือ ตู้ห่าว นักธุรกิจชาวจีน ขึ้นรถคุมตัวผู้ต้องหา ขออนุมัติศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อฝากขัง โดยระหว่างที่นำตัวนายตู้ห่าวขึ้นรถคุมตัวผู้ต้องขัง ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่ายืนยันในความบริสุทธิ์หรือไม่ นายตู้ห่าวตอบสั้นๆ ว่า ยืนยัน ก่อนจะเดินขึ้นรถนำตัวส่งศาล โดยมีตำรวจสายตรวจรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด

พ.ต.อ.วุฒิชัย ไทยวัฒน์ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 รักษาราชการแทนผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลยานนาวา เปิดเผยว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาไม่มีท่าทีกังวลใจหรือเครียดแค่อย่างใด ส่วนการปฏิเสธข้อกล่าว ถือเป็นสิทธิของผู้ต้องหาที่จะให้การอย่างใดก็ได่ ส่วนการฝากขังตัวผู้ต้องหาพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวนและในชั้นศาล

ด้านทนายความส่วนตัว นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ ตู้ห่าว เดินทางเข้าเยี่ยมนายตู้ห่าว และเข้าพูดคุยภายในห้องคุมขัง เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เบื้องต้นทนายความ เผยว่า เตรียมยื่นขอประกันตัวตามขั้นตอนกฏหมายในชั้นศาล 

“ได้เข้าเยี่ยมและพูดคุยกับนายตู้ห่าว พบว่าไม่มีอาการเครียด ส่วนหลักทรัพย์ในการประกันตัว ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด แต่ได้เตรียมไว้แล้ว ซึ่งจะได้ประกันตัวหรือไม่ ขึ้นอยู่ในการพิจารณาของศาล”

 

ขอเวลา 3 สัปดาห์ปิดคดี “ทุนจีนสีเทา”

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) เปิดเผยผลการสอบปากคำ นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ นายตู้ห่าว นักธุรกิจชาวจีน เมื่อคืนที่ผ่านมาว่า ผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธและขอไปให้การในชั้นศาล ก็ถือว่าเป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหา แต่ยืนยันว่าตำรวจก็มีหลักฐานที่ชัดเจน พร้อมคัดค้านประกันตัว ซึ่งในวันนี้ (24พ.ย.)ทางพนักงานสอบสวนจะนำนายตู้ห่าวไปฝากขังที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ 

“ หลังจากนี้จะมีการดำเนินการตรวจสอบเส้นทางการเงินและยึดทรัพย์สินของเครือข่ายนายตู้ห่าวทั้งหมด ซึ่งจะเร่งทำคดีดังกล่าวให้จบภายใน 3 สัปดาห์ พร้อมกับชี้แจงรายละเอียดทั้งหมดให้กับสังคมได้รับทราบ รวมถึงจะมีการรวบรวมหลักฐาน เพื่อที่จะขยายผลไปถึงกลุ่มทุนจีนสีเทาที่ใหญ่กว่า ส่วนความสัมพันธ์ของนายตู้ห่าว ที่มีความเชื่อมโยงกับอดีตรัฐมนตรี และบุคคลที่เกี่ยวข้องในพรรคการเมือง ก็จะต้องมีการสอบสวนรวบรวมหลักฐาน ให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจนก่อน แต่จะไม่มีการเชิญตัวมาสอบปากคำ ซึ่งการรวบรวมหลักฐานเป็นหน้าที่ของตำรวจต้องให้มีความชัดเจน หากพบผิดจะมีการออกหมายจับทันที”

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีกลุ่มทุนจีนเป็นจำนวนหลายนายนั้น ว่า ที่ผ่านมาได้ดำเนินการกับตำรวจนครบาลยานนาวาไป 2 นาย ตำรวจนครบาลลาดพร้าว 1 นาย ส่วนรองผู้บังคับการนครบาล 6 ก็ได้ทำหนังสือไปยังต้นสังกัด คือผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อให้มารับทราบข้อกล่าวหา ว่าอาจเข้าข่ายในเรื่องของการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 ที่ปล่อยรถยนต์ของกลางผู้ต้องหาไปโดยมิชอบ โดยเรียกรับผลประโยชน์ ซึ่งรถยนต์ดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติด 

"ส่วนกรณีที่มีบุคคลนำเงินมาแลกกับการปล่อยรถ จะเป็นหลานของนายตู้ห่าวหรือไม่ยังไม่ขอเปิดเผยในรายละเอียด ส่วนภรรยาของนายตู้ห่าว ซึ่งมียศเป็น “พ.ต.อ.หญิง” ตำรวจจะเชิญมาให้ปากคำ ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินและทรัพย์สินของนายตู้ห่าว หรือไม่ หากพบผิดจะดำเนินคดีโดยไม่ละเว้น แต่ยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังได้กล่าวถึงกรณี ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองที่ปล่อยให้คนจีนเข้ามา โดยออกวีซ่าเป็นนักศึกษานั้น จะมีการเรียกมาสอบปากคำทั้งหมด ถึงรายละเอียดของวีซ่าดังกล่าว เนื่องจากนักเรียนแต่ละคนมีอายุมากกว่า 50 ปี

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า กรณี นางพัชรินทร์ ที่นายชูวิทย์ ได้ส่งข้อมูลให้โดยระบุว่า เป็นภรรยาอีกคน ของนายตู้ห่าวนั้น ตนยังไม่ทราบในรายละเอียด ว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองเป็นเช่นใด แต่ทราบว่า นายตู้ห่าว มี พ.ต.อ.หญิง ที่เป็นภรรยา ได้จดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมาย ขณะเดียวกันก็กำลังสอบสวนกลุ่มคนจีนที่ลักลอบมาทำธุรกิจในไทย หากพบผิดจะมีการส่งตัวกลับไปยังประเทศจีนทั้งหมด เนื่องจากตอนนี้ได้มีการประสานกับทางการจีนแล้ว

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้กำชับให้ตำรวจได้ทำคดีนี้อย่างตรงไปตรงมา เพราะเกี่ยวข้องกับหลายฝ่าย หากไม่รอบคอบก็จะทำให้องค์กรตำรวจเสื่อมเสีย

 

ตั้ง “ผบช.น.” หัวหน้า พงส. คดีรองผู้การ ปล่อยรถหรูแลกเงิน

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยว่าได้เซ็นคำสั่งแต่งตั้งให้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวนสวนข้อเท็จจริงโดยมี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กำกับดูแล กรณีรองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 เข้าไปเกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือนายตู้ห่าว นายทุนจีนสีเทา และปล่อยรถหรูจำนวน 4 คัน แลกกับเงิน 8 ล้านบาท

“ยืนยันว่าหากพยานหลักฐานไปถึงใครก็จะต้องมีการดำเนินคดีทั้งหมด เบื้องต้นยอมรับว่ากรณีดังกล่าว หากไม่มีมูลก็แจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีไม่ได้อยู่แล้ว แต่หากมีการแจ้งข้อกล่าวก็แสดงว่ามีมูลอยู่ ส่วนรายละเอียดไม่อยากก้าวล่วงให้เป็นไปตามพยานหลักฐาน ส่วนจะมีระดับใหญ่กว่า รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 หรือไม่ที่เรียกรับเงิน 8 ล้าน ก็ต้องว่าไปตามพยานหลักฐาน จะไปพูดถึงหรือพาดพิงใครไม่ได้ ตอนนี้พยานหลักฐานถึง ตู้ห่าว เราก็ดำเนินคดีขอออกหมายจับ ไปแล้ว”

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวถึงภาพลักษณ์ของตำรวจที่มีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดและเกี่ยวข้องในคดีนี้ว่า อยู่ที่มุมมองโดยยืนยันว่าตอนนี้ตั้งใจทำอย่างตรงไปตรงมาใครผิดก็ว่าไปตามผิด ถ้ามองในแง่ดีก็คือเหมือนเป็นการเก็บกวาดบ้านทำให้ภาพลักษณ์ดีขึ้น อยากให้มองในมุมมองนี้ ตอนนี้การทำงานทำด้วยความตรงไปตรงมา พยานหลักฐานถึงใครก็ว่าไปตามนั้น