"บิ๊กโจ๊ก" จ่อสอบเพื่อนร่วมรุ่น นรต.47 เอี่ยวปมแปลงวีซ่ากลุ่มทุนจีนสีเทา
"พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล" รอง ผบ.ตร. ยัน อดีตผู้การฯ "ตม." เพื่อนร่วมรุ่น นรต.47 เอี่ยวปมแปลงวีซ่ากลุ่มทุนจีนสีเทา หากพบผิด ดำเนินการไม่ละเว้น ต้องดำเนินการถึงที่สุด
เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2565 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เปิดเผยว่า วันนี้ได้เรียกตัวอดีตนายตำรวจระดับสารวัตร ซึ่งเป็นพี่ชายของภรรยานาย "ตู้ห่าว" ที่เป็นตำรวจยศพันตำรวจเอก กองการต่างประเทศ มาให้ปากคำในกรณีที่มีรายชื่อเป็นกรรมการบริษัท 3-4 แห่ง ที่มีนาย "ตู้ห่าว" เป็นกรรมการร่วมด้วย และเรียก นางสาวสุชาดา คนใกล้ชิดนายตู้ห่าว มาสอบปากคำ โดยทั้ง 2 รายอยู่ระหว่างเข้าให้ปากคำกับตำรวจ
สำหรับนางสาวสุชาดา ถึงแม้ไม่ได้มีรายชื่อเป็นกรรมการบริษัท แต่ก็มีหน้าที่เบิกจ่ายเงินลักษณะเดียวกันกับนางสาวพัชรินทร์ จึงต้องเรียกมาชี้แจงให้ครบถ้วน ถึงแม้ที่ผ่านมาทั้งนางสาวพัชรินทร์ และนางสาวหลิน จะให้การไม่เป็นประโยชน์ต่อเจ้าหน้าที่เท่าที่ควร และถึงแม้ว่าทั้ง 4 คน จะไม่ให้ความร่วมมือนั้น
“ยืนยันว่ามีข้อมูลครบถ้วนอยู่แล้ว โดยเฉพาะเรื่องเส้นทางการเงิน ถึงแม้ว่าทั้ง 4 คน จะยังไม่ใช่ผู้ถูกกล่าวหา แต่ว่า "ตำรวจ" มีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบเส้นทางการเงิน ซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้”
ส่วนบริษัทของ "ตู้ห่าว" จะเกี่ยวข้องกับการแปลงวีซ่านักท่องเที่ยวจีนหรือไม่ จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทของ "ตู้ห่าว" ทำหน้าที่แนะนำคนจีนเท่านั้น แต่ไม่เกี่ยวข้องกับการแปลงวีซ่า
ขณะเดียวกันที่มีคนกลางเป็นข้าราชการ"ตำรวจ"เข้าไปเกี่ยวข้องกับการแปลงวีซ่า ขณะนี้ได้ออกหมายเรียกหัวหน้าสถานีตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ทั้ง 27 แห่งไว้แล้ว พร้อมให้นำเอกสารมาให้ และสอบปากคำ แต่พบว่ามี "ตำรวจ" บางนาย ยังไม่นำเอกสารมาให้ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ได้สั่งให้นำเอกสารมาให้ พร้อมสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง
หากใครไม่นำมา หรือมีการปลอมแปลงเอกสารก่อนนำมามอบ ซึ่งประเด็นนี้ทางตำรวจไม่เป็นกังวล ยืนยันว่ามีข้อมูลของเอกสารทั้งหมดครบแล้ว รวมไปถึงทั้ง 3 นายพลตำรวจที่ถูกพาดพิงว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง ในการอำนวยความสะดวกในการแปลงวีซ่าให้กลุ่มชาวจีน
ต้องย้ำว่าจะดำเนินการตามขั้นตอน แม้จะเป็นเพื่อนร่วมรุ่น นักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 47 หรือ นรต.47 ด้วยกันก็ตาม โดยไม่ละเว้น หากพบผิดก็จะดำเนินการถึงที่สุด แต่ทราบว่าบางนายเกษียณอายุราชการไปแล้ว ก็จะมีการออกหมายเรียกมาให้ข้อมูลในฐานะพยานเหมือนหัวหน้าสถานี ตม.ทุกนายที่เรียกมาก่อนหน้านี้
“ยืนยันว่าเมื่อสมัยที่ตนดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ก็ได้กวดขัน และจับกุมอย่างเข้มงวด จนไม่มีผู้ใต้บังคับบัญชาคนใดกล้าทำผิด และไม่มีกลุ่มคนจีนกล้าทำเรื่องประเภทนี้” รอง ผบ.ตร. ระบุย้ำ
ส่วนการตรวจสอบสารเสพติดบนเครื่องบินส่วนตัวของตู้ห่าวที่ปรากฏว่า ไม่พบสารเสพติด ตนยังไม่ทราบรายละเอียด แต่ถึงแม้จะไม่พบสารเสพติดก็ไม่มีผลกระทบกับคดีหลักที่ตู้ห่าวถูกดำเนินคดียาเสพติด เนื่องจากการตรวจค้นเครื่องบินเป็นส่วนหนี่งของการตรวจสถานที่เพื่อนำมาประกอบสำนวนเท่านั้น