จับแก๊งค้ายา "อาฟู่" อายัดบ้าน 11 หลัง ที่ดิน-รถ-ทองคำ ยึดทรัพย์ 230 ล้าน
ตำรวจบุกลุยค้นทั่ว กทม. และต่างจังหวัด จับแก๊งค้ายา "อาฟู่" อายัดบ้าน 11 หลัง ที่ดิน-รถ-ทองคำ ยึดทรัพย์ 230 ล้าน
ปฏิบัติการ “เด็ดปีกมาร 66/1” ยึดทรัพย์เครือข่ายกว่า 230 ล้านบาท หลังนำกำลังปิดล้อมค้นพื้นที่เป้าหมาย 40 จุดก่อนรวบผู้สมคบ-ธุรกรรมทางการเงิน รวมถึงผู้ค้าในพื้นที่ ส่วนตัวผู้บงการเป็นคนไทยถูกออกหมายจับแล้ว อยู่ระหว่างติดตามตัว ขณะที่รองผบ.ตร. แจงยังไม่ได้รับรายงาน “หนูเฉิน” ผู้ต้องหายาเสพติดรายสำคัญเสียชีวิตแล้ว
ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร. ในฐานะผอ.ศอ.ปส.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส. และตำรวจ บก.ปส.4 ร่วมกันแถลงแผนปฏิบัติการ “เด็ดปีกมาร 66/1” ตรวจยึดทรัพย์สิน มูลค่า 230 ล้านบาท
พล.ต.อ.ชินภัทร กล่าวว่า ตามนโยบาย ผบ.ตร. ช่วงปีใหม่ตำรวจทำงานไม่มีวันหยุด และนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินการเรื่องชุมชนยั่งยืน เพื่อลดปริมาณผู้เสพ และมีการสกัดกั้นยาเสพติดตามแนวเขตชายแดนเพื่อนบ้านทางภาคตะวันออกเฉียงเหนืออย่างต่อเนื่อง ปฏิบัติการในครั้งนี้ได้ออกหมายจับ 9 ราย จับกุมได้ 6 ราย เป็นผู้สมคบและมีส่วนร่วมในขบวนการ ทั้งนี้พอจะทราบตัวผู้บงการแล้วเป็นคนไทย หลังจากนี้จะต้องออกหมายจับและติดตามจับกุมตัวมาให้ได้ ตำรวจจะไม่หยุดทำงานจะสืบสวนติดตามจับกุมต่อไป
โดยทางตำรวจบก.ปส.4 ได้สืบสวนสอบสวนและขยายผลของเครือข่ายสำคัญจนนำมาสู่การเปิดปฏิบัติการ "เด็ดปีกมาร 66/1 เมื่อช่วงเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยตำรวจ บก.ปส.4 นำทีมบูรณาการกำลังกับ ป.ป.ส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ เป้าหมายใน กทม., นนทบุรี, ปทุมธานี, ชลบุรี, อำนาจเจริญ, ขอนแก่น, สุราษฎร์ธานี, ภูเก็ต และตรัง รวม 40 จุด
การปิดล้อมเป็นผลจากเมื่อปลายปี 2564 ต่อเนื่องปี 2565 ที่ผ่านมา ตำรวจ บก.ปส.4 ได้สืบสวนจับกุมคดียาเสพติดในพื้นที่ กทม. ต่อเนื่องปริมณฑลหลายคดี และได้ขยายผลจนทราบถึงแหล่งที่พักยาเสพติดอยู่ในพื้นที่เขตดอนเมืองสามารถจับกุมคนจำหน่ายได้พร้อมตรวจยึดของกลางยาบ้าได้ประมาณ 1 ล้านเม็ด และขยายผล ต่อจนทราบถึงเครือข่ายและสามารถจับกุมคนทำหน้าที่ธุรกรรมทางการเงิน พร้อมตรวจ ยึดทรัพย์สินได้รวมมูลค่า ประมาณ 75 ล้านบาท จากนั้นได้ขยายผลอย่างต่อเนื่องจนนำไปสู่การออกหมายจับนายฉัตรชัย หรือ อาฟู่ ผู้สั่งการ และผู้ทำหน้าที่ต่างๆ ในเครือข่าย และทำการสืบสวนมาโดยตลอด
การเปิดปฏิบัติการครั้งนี้ สามารถจับกุมเครือข่ายในพื้นที่กรุงเทพมหานคร 4 ราย
- นายสุวัฒน์ (สงวนนามสกุล) ระดับผู้สั่งการ
- นางมยุรีย์ (สงวนนามสกุล) เป็นผู้ทำธุรกรรมทางการเงิน
- นายธนโชติ (สงวนนามสกุล)
- นายนนท์ (สงวนนามสกุล) เป็นผู้ค้าในพื้นที่
ส่วนในพื้นที่อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี จับกุมได้ 1 คน คือ นายเปรมปวริศ (สงวนนามสกุล) มีหน้าที่ทำธุรกรรมทางการเงิน และในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี จับกุมนายจตุรพร (สงวนนามสกุล) เป็นผู้ค้าในพื้นที่
ทั้งหมดถูกแจ้งข้อหา "กระทำผิดฐานสมคบกันฯ เพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด, สนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้กระทำผิดก่อนหรือขณะกระทำความผิด และรับเงินทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้กระทำผิดฯ
นอกจากนี้ตำรวจ ปส.4 ยังได้อายัดทรัพย์สินที่คาดว่าจะได้มาจากการค้ายาเสพติดหลายรายการในหลายพื้นที่
1. บ้านพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งอยู่ในพื้นที่
- จังหวัดกรุงเทพมหานคร 11 หลัง
- จังหวัดปทุมธานี 2 หลัง
- จังหวัดนนทบุรี 1 หลัง
- จังหวัดชลบุรี 1 หลัง
- จังหวัดสุราษฎร์ธานี 1 หลัง
รวมทั้งสิ้น 16 หลัง มูลค่าประมาณ 115,000,000 ล้านบาท
2.โฉนดที่ดิน ในจังหวัด
- อำนาจเจริญ 4 แปลง
- อุบลราชธานี 2 แปลง
- กำแพงเพชร 1 แปลง
- ขอนแก่น 1 แปลง
- ภูเก็ต 1 แปลง รวมจำนวน 9 แปลง
มูลค่าประมาณ 94,000,000 ล้านบาท
3.รถยนต์ ยี่ห้อ
- นิสสัน 350z 1 คัน
- อีซูซุดีแม็กซ์ 2 คัน
- ฮอนด้า ซีวิค 2 คัน
- ฮอนด้า CRV 1 คัน
- โตโยต้า แคมรี่ 1 คัน
รวม 7 คัน มูลค่าประมาณ 8,500,000 บาท
4.ทองคำแท่ง จำนวน 8 แห่ง จำนวน 360 บาท มูลค่า ประมาณ 11,000,000 บาท ยึดได้ที่บ้านนายเปรมปวริศ ในพื้นที่ อำเภอ ลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี
5. ทองคำรูปพรรณ จำนวน 21 บาท มูลค่าประมาณ 630,000 บาท
6. เงินสด 1,300,000 บาท
7. เงินที่อายัดจากบัญชี จำนวน 1,300,000 บาท
8.ทรัพย์สินอื่นๆ เช่น
- กระเป๋าแบรนด์เนม 11 ใบ
- นาฬิกา 21 เรือน
- พระเลี่ยมทอง 3 องค์
มูลค่าประมาณ 2,000,000 บาท รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ยึดได้ ประมาณ 230 ล้านบาท
ส่วนกระแสข่าวนายฐปนันท์ หรือ หนูเฉิน ผู้ต้องหาคดียาเสพติดที่ทางการไทยต้องการตัวได้เสียชีวิตแล้วในต่างประเทศ พล.ต.อ.ชินภัทร กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงานอย่างเป็นทางการ ยังรอการยืนยันอยู่ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ได้นิ่งนอนใจได้ประสานประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหารายสำคัญในคดียาเสพติดมาดำเนินการตามกฎหมาย