PM 2.5 จะโดนฝนเท! กรมอุตุฯชี้ 3-12 ก.พ.นี้ ไทยลุ้นฝนฟ้าคะนอง

ติดตามสถานการณ์ PM 2.5 ฝุ่นพิษกระทบสุขภาพชาวกรุงเทพฯและเมืองใหญ่ทั่วไทย ล่าสุด กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์ฝนสะสมรายวัน (ทุกๆ 24 ชม.) 10 วันล่วงหน้า ระหว่าง 3- 12 ก.พ. 66 อัพเดท 2023020212 จากศูนย์พยากรณ์อากาศระยะกลางยุโรป (ECMWF) 

 

ความชื้นมาแทนลมหนาว

ช่วงวันที่ 3-5 ก.พ. 2566 ภาคอีสานตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก กทม. และปริมณฑล และภาคใต้ จะมีฝนฟ้าคะนอง เล็กน้อย เกิดขึ้นได้บ้าง เนื่องจากมีทิศใต้ และลมตะวันออกเฉียงใต้ พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยพัดเข้ามาปกคลุมแทนที่ลมหนาว ส่วนมวลอากาศเย็นที่แผ่ปกคลุมเริ่มมีกำลังอ่อนลง

ลุ้นเกิดฝนฟ้าคะนองจากความชื้น

ทำให้ประเทศไทยตอนบน มีอุณหภูมิสูงขึ้น กลางวันอากาศร้อน ตอนเช้ายังมีอากาศเย็นถึงหนาว และมีหมอกบางพื้นที่ ยอดดอย ยอดภู ยังมีอากาศหนาว และอาจจะมีปรากฎการณ์เหมยขาบหรือแม่คะนิ้งเกิดขึ้นได้ เดินทางสัญจรบริเวณหมอกต้องระวัง  

ส่วนภาคใต้ตอนล่าง ยังมีฝนฟ้าคะนองเล็กน้อยถึงปานกลาง และมีฝนตกหนักบางแห่ง ต้องเฝ้าระวังฝนตกสะสม คลื่นลมในอ่าวไทย มีกำลังอ่อนลงแล้ว ชาวเรือ ชาวประมงเดินเรือได้ตามปกติ ระวังบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง
  
ช่วงวันที่ 6 - 12 ก.พ. 66 ยังมีฝนเล็กน้อย ทิศทางลมยังแปรปรวน
 

อนึ่ง ข้อมูลนี้อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามข้อมูลนำเข้าใหม่ ใช้เพื่อประกอบการตัดสินใจ เฉดสี แสดงถึงปริมาณฝนสะสมทุกๆ 24 ชม. สีฟ้าหมายถึงฝนเล็กน้อย สีแดง : ฝนตกหนัก สีชมพู: ฝนตกหนักมาก

 

 

กรมฝนหลวงเร่งป้องกันฝุ่นควันเหนือ

เปิดศูนย์ฯ ทำฝนหลวงบรรเทาฝุ่นควัน ฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือ เป้าหมายช่วยเหลือ 6 ดอย รอยต่อจังหวัด 19 รอยต่อเมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม รองอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร รักษาราชการแทนอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ติดตามสถานการณ์การแก้ไขปัญหาหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็กในพื้นที่ภาคเหนือ ที่ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมเปิดเผยว่า ตามที่ค่าคุณภาพอากาศในพื้นที่ภาคเหนือตั้งแต่ช่วงในช่วงกลางเดือนมกราคมถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ เริ่มมีแนวโน้มสูงขึ้นและมีค่าสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน เนื่องจากลมที่พัดปกคลุมประเทศไทยบริเวณตอนบนมีกำลังอ่อนลง

จึงทำให้มีการสะสมของฝุ่นละอองเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับข้อมูลสถานการณ์ค่าคุณภาพอากาศจากกรมควบคุมมลพิษ เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2566 พบว่า

• ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือ PM2.5 มีค่าอยู่ระหว่าง 47 - 128 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
• ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน หรือ PM10 มีค่าอยู่ระหว่าง 62 - 188 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

ซึ่งอยู่ในระดับเริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพ (สีส้ม) ถึงระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพ (สีแดง) โดยส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือเป็นวงกว้างแล้วนั้น 

 นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนจากสถานการณ์ดังกล่าว จึงได้สั่งการให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตร วางแผนปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างเร่งด่วน โดยขอให้ประสานกับหน่วยงานในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับพื้นที่ป่าไม้ ลดโอกาสการเกิดไฟป่า บรรเทาปัญหาหมอกควันและปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก เพื่อให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด

นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม รองอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร รักษาราชการแทนอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า จากสถานการณ์ดังกล่าว กรมฝนหลวงและการบินเกษตร จึงได้ตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงเคลื่อนที่เร็ว จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป เพื่อทำฝนบรรเทาปัญหาฝุ่นควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก โดยมอบหมายให้ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ ติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด ซึ่งพบว่า ในทุกๆ ปี ภาคเหนือจะได้รับอิทธิพลจากบริเวณความกดอากาศสูง และคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกที่แผ่ปกคลุม ทำให้มีโอกาสเกิดฝน 3-5 วันต่อเดือน และติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิดเป็นประจำทุกวัน เพื่อวางแผนปฏิบัติการฝนหลวงเมื่อสภาพอากาศเหมาะสมและเข้าเงื่อนไข

โดยมีพื้นที่เป้าหมายช่วยเหลือ จำนวน 6 ดอย ได้แก่

1. ดอยพระบาท จังหวัดลำปาง
2. ดอยจระเข้ จังหวัดเชียงราย
3. ดอยกองมู จังหวัดแม่ฮ่องสอน
4. ดอยขะม้อ จังหวัดลำพูน
5. ดอยหลวง จังหวัดเชียงใหม่
6. ดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่

รวมถึงพื้นที่เฝ้าระวังรอยต่อระหว่างจังหวัด จำนวน 19 รอยต่อของพื้นที่ภาคเหนือที่อาจเกิดไฟป่าอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ยังมีการสนับสนุนอากาศยานให้แก่กองทัพภาคที่ 3 เพื่อใช้ในการปฏิบัติภารกิจดับไฟป่าและบินสำรวจจุดความร้อน (Hotspot) ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ ตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม 2566 เป็นต้นมา จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ประกอบด้วย เฮลิคอปเตอร์แบบ Bell 407 จำนวน 1 เครื่อง (พร้อมอุปกรณ์ตักน้ำดับไฟป่า) เครื่องบินแบบ CASA จำนวน 2 เครื่อง และเครื่องบิน Super King Air จำนวน 1 เครื่อง ทั้งนี้ กรมฝนหลวงฯ ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน พี่น้องเกษตรกร งดการเผาทุกประเภท เพื่อช่วยกันลดปัญหามลพิษจากฝุ่นควันและฝุ่นละออง

สามารถติดต่อประสานการขอฝนหลวงได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-109-5100 ต่อ 410