ชาวบ้านสุดทน! ลักลอบ "เผาไร่อ้อย" ทั้งควัน-เขม่าดำลอยฟุ้ง ก่อฝุ่นพิษ PM 2.5
สุดทน! เจ้าของไร่อ้อยลักลอบ "เผาอ้อย" ช่วงเช้ามืด-หัวค่ำ ทำควันและเขม่าดำลอยฟุ้ง ก่อฝุ่นพิษ PM 2.5 ชาวบ้านโอดร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังเมินเฉย
วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2566 ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า หลังโรงงานหีบอ้อยเริ่มเปิดรับผลผลิตจากชาวไร่ ประจำปี 2565/66 ซึ่ง จ.ร้อยเอ็ด จัดได้ว่าเป็นพื้นที่ปลูกอ้อยแห่งหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และยังคงพบมีการลักลอบ "เผาอ้อย" เพื่อความสะดวกในการตัดอ้อย เพราะหากตัดอ้อยสดจะต้องใช้เวลาสางใบออกก่อนซึ่งจะทำให้ได้ปริมาณที่น้อยลง เจ้าของไร่อ้อยจึงนิยมจุดไฟเผาอ้อยก่อนตัด
ดังนั้นการ "เผาไร่อ้อย" ส่วนใหญ่เจ้าของไร่จะแอบเผาในช่วงเช้ามืดและช่วงหัวค่ำ ทำให้ในทุกเช้าและหัวค่ำจะมีฝุ่นละอองและเขม่าดำจากใบอ้อย หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า "หิมะดำ" ปลิวว่อนไปทั่วบริเวณก่อนไปตกลงยังบ้านเรือนและพื้นที่ตามชุมชน ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางยัง หมู่ที่ 10 บ้านโคกล่าม ต.หนองใหญ่ อ.โพนทอง จ.ร้อยเอ็ด พื้นที่ที่ได้รับ "ผลกระทบจากการเผาไร่อ้อย" โดยชาวบ้านได้เปิดคลิปวิดีโอที่ถ่ายนาทีที่ไฟกำลังโหมลุกไหม้ป่าอ้อย แสงไฟสว่างวาบมองเห็นแต่ไกล อีกทั้งเขม่าซางอ้อยลอยฟุ้งเป็นหิมะดำลอยในอากาศปลิวเข้าบ้านเรือนประชาชน
หนึ่งในชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากการเผาไร่อ้อย เล่าให้ฟังว่า การเผาอ้อยในแต่ละครั้งทำความเดือดร้อนให้ชาวบ้านเป็นอย่างมาก ทั้งเขม่าที่ลอยเข้าบ้าน บ้างก็ลอยมาติดตามเสื้อผ้าที่ตากไว้ ชาวบ้านต้องลำบากมาซักใหม่อีกรอบ ตนอยากฝากให้ผู้เกี่ยวข้องลงมาดูแลและแก้ไขอย่างจริงจังสักที เพราะก่อนหน้าก็เคยมีการประกาศห้ามเผาแล้วแต่ก็ยังมีการแอบเผาอยู่ เคยร้องเรียนไปแล้วแต่ก็ยังไม่มีหน่วยงานไหนลงมาแก้ไขให้ประชาชนได้เลย ชาวบ้านก็เดือดร้อนกันถ้วนหน้าเพราะได้รับผลกระทบจากการเผาอ้อยของเกษตรกรผู้ปลูกอ้อยเป็นแบบนี้ทุกครั้ง
ภาพ/ข่าว พงษ์พัฒน์ นามสอน จ.ร้อยเอ็ด