‘จุดความร้อน’ ในไทยพบ 2,020 จุด ส่วนใหญ่พบในพื้นที่ป่าอนุรักษ์
"จุดความร้อน" ในไทยพบ 2,020 จุด ส่วนใหญ่พบในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ส่งผลค่าฝุ่น PM 2.5 พุ่งระดับส่งผลต่อสุขภาพหลายจังหวัด
เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2566 สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA เผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของระบบเวียร์ (VIIRS) ไทยพบ "จุดความร้อน" วานนี้ (6 มีนาคม 2566)
ไทยพบ จุดความร้อน จำนวน 2,020 จุด ส่วนประเทศเพื่อนบ้านอย่างสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์พบจุดความร้อนจำนวน 4,171 จุด สปป.ลาว 2,194 จุด กัมพูชา 2,028 จุด เวียดนาม 147 จุด และมาเลเซีย 2 จุด
สำหรับ จุดความร้อนในประเทศไทย ส่วนใหญ่พบในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 952 จุด, พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 499 จุด, พื้นที่เกษตร 244 จุด, พื้นที่เขต สปก. 159 จุด, พื้นที่ชุมชนและอื่นๆ 158 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 8 จุด ในส่วนของจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุด คือ กาญจนบุรี 335 จุด
ส่วน ค่าฝุ่น PM 2.5 เมื่อตรวจสอบจากแอปพลิเคชัน “เช็คฝุ่น” เมื่อเวลา 11:00 น. ที่ผ่านมา พบว่าในหลายจังหวัดทางภาคเหนือ อาทิ แม่ฮ่องสอน ,เชียงใหม่ ,เชียงราย ,ตาก ,ลำพูน ,น่าน ,พะเยา ,ลำปาง อยู่ระดับสีส้มซึ่งเริ่มมีผลต่อสุขภาพ
ในขณะที่ทุกพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร อยู่ระดับสีส้มเริ่มมีผลต่อสุขภาพเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ก่อนออกจากบ้านควรสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเพื่อป้องกันโรคระบบทางเดินหายใจที่อาจจะตามมา
สิ่งหนึ่งที่ต้องเฝ้าระวังที่มักจะมากับเหตุการณ์ไฟป่าและจุดความร้อน คือ PM 2.5 สถานการณ์การจุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านอาจส่งผลให้เกิด PM 2.5 ได้ในพื้นที่บริเวณชายแดนเนื่องจากได้รับอิทธิพจากประแสลมที่จะพัดผ่านเข้ามา ปัญหาไฟป่าหมอกควัน ส่งผลกระทบให้กับระบบต่างๆ ของประเทศมาโดยตลอด โดยเฉพาะระบบเศรษฐกิจ ระบบสังคม
ดังนั้น ในอนาคตอันใกล้นี้ ประเทศไทยกำลังจะได้ใช้ระบบ THEOS-2 อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่ง 1 ในภารกิจสำคัญของระบบนี้ คือการสำรวจ วิเคราะห์ และติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นหรือคาดว่าจะเกิดขึ้น ได้อย่างทันท่วงทีและแม่นยำ เพื่อการสนับสนุนข้อมูลสำคัญให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำข้อมูลไปใช้วางแผน ป้องกัน บรรเทา และแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม รายละเอียดข้อมูลเฉพาะพื้นที่ท่านสามารถติดตามจากหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบโดยตรงได้ GISTDA ยังคงติดตามและรายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นข้อมูลให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำไปใช้บริหารจัดการในพื้นที่
ท่านสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://fire.gistda.or.th หรือ ติดตามข้อมูลจาก https://fire.gistda.or.th/dashboard.html และควรติดตามสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ผ่านแอปพลิเคชัน "เช็คฝุ่น"