งานพลาดแต่ไม่เสียเพื่อน | บวร ปภัสราทร
การทำงานไม่อาจเลือกได้ว่าจะทำงานกับคนที่พออกพอใจเท่านั้น เราจำเป็นต้องร่วมงานกับคนที่ไม่ได้ถูกชะตากันนักเพื่อให้การงานเดินหน้าไปได้ด้วยดี
แต่การได้ทำงานกับเพื่อนร่วมงานที่มีความเชื่อถือซึ่งกันและกันเป็นความสุขอย่างหนึ่งในการงาน การมีเพื่อนร่วมงานที่ดีเป็นการรับประกันอย่างหนึ่งว่า เราจะมีความสุขกับการงานที่กำลังทำอยู่ต่อไปได้
แน่นอนอย่างยิ่งว่า ทำงานใดๆ โดยปราศจากความผิดพลาดนั้นเป็นไปได้ยากยิ่งนัก ยิ่งปัจจุบันที่เน้นการสร้างนวัตกรรม ค้นหาหนทางทำการงานกันใหม่ๆ กันเป็นประจำ ทำวิธีใหม่แล้วประสบแต่ความสำเร็จแต่เพียงอย่างเดียวนั้นเป็นไปได้ แต่ต้องแลกด้วยการคิดวางแผนอย่างรอบคอบ รอบด้าน ซึ่งอาจใช้เวลา หรือใช้ทรัพยากรเกินกว่าที่มีอยู่ได้
ดังนั้น ก็ต้องยอมให้มีความเสี่ยงกันอยู่บ้างในการริเริ่มทำงานแบบใหม่ การมีความเสี่ยงแปลว่ายังมีโอกาสที่จะพลาดพลั้งไปได้ ซึ่งถ้าผลจากความพลาดพลั้งที่เกิดขึ้นนั้น ไม่ได้ทำให้พรรคพวกเพื่อนฝูงร่วมงานต้องเดือดร้อน มีแค่ตัวเราเองที่ต้องรับความยากลำบากที่ตามมาจากการพลาดพลั้งไปนั้น คงไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรนัก
แต่ชีวิตการงานจริงมักไม่เป็นเช่นนั้น ในการงานยุคปัจจุบัน ความผิดพลาดของคนหนึ่งจะส่งผลเสียไปสู่คนร่วมงานโดยทั่วหน้า แม้ว่าคนที่กระทำผิดพลาดนั้นไม่ได้ตั้งใจให้ใครต้องมาเดือดร้อนไปด้วยเลย จะทราบว่าใครคือ เพื่อนร่วมงานที่ไม่น่าคบค้ามากที่สุด เห็นได้ตอนที่เกิดความผิดพลาดขึ้นมานี่แหละ
ถ้าพลาดขึ้นมาแล้วคนอื่นเดือดร้อน ก็ยังทำเป็นทองไม่รู้ร้อน ฉันพลาดก็จริง แต่แกไม่ระวังงานของแกให้ดีเอง ทำพลาดแล้วไม่รับว่าเป็นต้นเหตุของความเดือดร้อนที่กระจายไปสู่คนอื่น ถ้าเจอแบบนี้ในวันใด วันนั้นคงรู้แล้วว่าที่ทำงานอยู่ด้วยกันนั้น อย่างน้อยก็มีคนนี้แหละที่ไม่ใช่เพื่อนร่วมงานที่ดีของเรา
การรักษาความเชื่อมั่นระหว่างกันและกัน ในระหว่างคนทำงานด้วยกันเอาไว้ให้ได้ในยามที่เกิดความผิดพลาดขึ้นมานั้นทำได้ไม่ยาก หากทุกคนเป็นเพื่อนร่วมงานกันจริง ไม่ใช่แค่คนที่จำใจทำงานด้วยกัน
ซึ่งเมื่อเพื่อนคนใดคนหนึ่งพลาดพลั้งจนทำให้เพื่อนคนอื่นต้องลำบากไปด้วยนั้น ความเชื่อมั่นในความเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีจะคงอยู่ได้ หากคนพลาดแสดงความรับผิดชอบต่อความผิดพลาดนั้นให้ปรากฏกับทุกคน
ในทันทีที่มีความผิดพลาดเกิดขึ้นในการทำงานร่วมกัน การแสดงให้เห็นว่าเราไม่ได้ตั้งใจที่จะให้เกิดความผิดพลาดนั้น และพร้อมจะขอโทษในสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ควรกระทำในทันที แต่ไม่ใช่แค่ขออภัยไปตามมารยาท
ภาษากายที่แสดงให้เพื่อนร่วมงานพบเห็นต้องเป็นไปในทางเดียวกัน คือ แสดงความจริงใจในการขออภัย และแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าทุกความผิดพลาดนั้นไม่ได้เกิดขึ้นด้วยความตั้งใจแต่อย่างใด
วันนี้เราอยู่กับคนใหญ่คนโตที่ทำตนเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีในการเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดี เราเห็นกันจนชินตาว่าทำพลาดไว้เยอะแยะ พลาดแบบตั้งใจก็มี พลาดแบบด้อยฝีมือก็เยอะ แต่ไม่เคยพบเห็นความตั้งใจในการแสดงการขออภัยในความผิดพลาดนั้นแต่อย่างใด มีแต่โยนความผิดไปรอบตัว
ดังนั้น อย่าได้ยอมให้ตัวอย่างที่ไม่ดีนี้ กลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติในการร่วมมือทำงานกับเพื่อนร่วมงานอย่างเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นสักวันหนึ่งคนที่เราคิดว่าเป็นเพื่อนกันมานานปี จะกลายเป็นคนที่ไม่ใช่เพื่อนกับเราอีกต่อไป
“ความเชื่อมั่น” ไม่ได้คงอยู่ได้เพียงเพราะการขอโทษเมื่อมีความผิดพลาดเกิดขึ้น ความเชื่อมั่นระหว่างกันจะคงอยู่ได้ หากคนที่พลาดบอกกล่าวอย่างชัดเจนว่าเขาได้สร้างความผิดพลาดใดให้เกิดขึ้น
ซึ่งไม่มีใครอยากตอกย้ำความผิดพลาดที่ตนเองได้กระทำขึ้น แต่จำเป็นต้องกระทำเพื่อให้เพื่อนร่วมงานมั่นใจได้ว่า เรารู้ตัวว่าอะไรคือความผิดพลาดที่เราได้สร้างขึ้นมา
ความเชื่อมั่นระหว่างกันจะยืนยงมากขึ้นไปอีก หากคนพลาดสัญญาว่าจะมุ่งมั่นแก้ไขความผิดพลาดนั้นอย่างดีที่สุดเท่าที่จะกระทำได้ นี่เองที่ต้องมีขั้นตอนการตอกย้ำว่าได้ทำอะไรพลาดไปบ้าง
เพื่อให้คนอื่นมั่นใจว่าที่สัญญาว่าจะแก้ไขนั้นเป็นการแก้ไขถูกเรื่อง แล้วยังต้องบอกอีกว่าเรื่องนั้นคาดว่าจะแก้ไขกันอย่างไร และในการแก้ไขนั้น ต้องการความช่วยเหลือใดบ้างจากเพื่อนร่วมงาน
ทำงานพลาดนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ แต่พลาดแล้วเสียเพื่อนไม่ควรให้เกิดขึ้น ซึ่งถ้าไม่ยโสจนขอโทษไม่เป็น พลาดแล้วก็ยังเหลือเพื่อนอยู่ได้