พรรคพวกตีจาก | บวร ปภัสราทร
ในยามรุ่งเรืองรอบตัวล้วนเต็มไปด้วยผู้คนที่เสนอตัวมาเป็นพรรคพวก แต่วันดีคืนดีความรุ่งเรืองเริ่มเลือนรางลงไป ย่อมมีบ้างที่จะมีการตีจากกันไป
ถ้าทำใจกับการตีจาก แยกวงไปที่อื่นได้ ก็ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ทำใจให้ได้ว่าใครอยากคบค้ากับเราก็คบกันต่อไป ใครอยากไปไหนก็เชิญตามสบาย แต่ก็มีเสมอที่ทำใจกันไม่ได้ ไม่อยากเห็นพรรคพวกแปรพักตร์ไปฝักใฝ่คนอื่น
เคยเป็นคนที่มีพรรคพวกเยอะแยะ ทนไม่ได้ที่จะหดหายไปจนเหลืออยู่ไม่กี่คน กลัวเสียหน้าเสียบารมี บางทีก็พยายามหาทางกีดกันไม่ให้พรรคพวกตีจาก ใครแยกวงก็อาฆาตมาดร้ายหาทางเล่นงานเสียอีกด้วย
เมื่อใดก็ตามที่พบว่า พรรคพวกเริ่มตีจาก และรู้สึกว่าตนเองทุกข์ร้อนกับการตีจากนั้น แนะนำให้หาหนทางในการลดเหตุแห่งการตีจากของพรรคพวกลงไปบ้าง หรือไม่ก็ลดความทุกข์ร้อนที่มาจากความกังวลในการตีจากนั้นลงไปบ้าง
ซึ่งที่จริงก็คือ พยายามใช้หลักการทำงาน ที่เมื่อนำไปปฏิบัติแล้วจะช่วยให้สามารถทำงานร่วมกับคนหลากหลายความคิดได้ โดยไม่มีความขัดแย้งกันจนแตกหัก ต้องแยกวงตีจากกันไป
ต้องระลึกไว้เสมอว่า การตีจากส่วนใหญ่เกิดขึ้นมาจากการมีความต้องการในการเปลี่ยนแปลงที่แตกต่างกัน ถ้าทุกคนอยากให้ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ไม่มีใครตีจากออกไปแน่นอน การตีจากเริ่มเกิดขึ้นเมื่อมีความต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
โดยการเปลี่ยนแแปลงนั้นกระทบทุกคน ดังนั้น การสร้างการเปลี่ยนแปลงโดยวงไม่แตก คือเริ่มเปลี่ยนเฉพาะที่เราเปลี่ยนของเราเองได้ เปลี่ยนที่ตัวเราเอง ก่อนที่จะไปบอกให้คนอื่นเปลี่ยน
อย่าเริ่มการเปลี่ยนแปลงด้วยการไปผลักดันให้คนอื่นเปลี่ยน อย่าเสียเวลาไปหว่านล้อมให้คนนั้นคนนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างนั้นอย่างนี้ คนจะเปลี่ยนเองเมื่อเขาอยากเปลี่ยน การเคี่ยวเข็ญให้เปลี่ยนโดยเขาไม่ได้อยากเปลี่ยน มีโอกาสทำให้เกิดการตีจากได้ง่ายๆ
แม้จะทำงานด้วยกันมาด้วยดีเป็นเวลานาน แต่บริบทที่ต่างคนต่างมองเห็นนั้นแตกต่างกันได้เสมอ อย่ามั่นใจว่ารู้ใจพรรคพวกเสมอไป ดังนั้นจะตัดสินใจในพฤติกรรมใดของพรรคพวก ให้ระวังความลำเอียงของการตัดสินใจที่เกิดจากการมองเหตุการณ์นั้นในบริบทที่แตกต่างกัน เรื่องหนึ่งคนหนึ่งอาจเห็นเป็นเรื่องเล็ก
ในขณะที่อีกคนเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญ ก่อนจะตัดสินใครอย่างไรนั้น ต้องมั่นใจว่าได้มองเรื่องนั้นในมุมมองของเขาไว้ด้วยแล้ว อย่าใช้เฉพาะมุมมองของเราในการตัดสินเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เพราะหากกระทำเช่นนั้น มักจะเป็นจุดเริ่มต้นของฉันถูกแกผิด ที่ขยายไปเป็นการขัดใจกันที่จบลงด้วยการตีจาก
นินทาทำให้เกิดการตีจาก เจอกันต่อหน้าต่อตาไม่เคยว่ากล่าวอะไร แต่ลับหลังไปนินทาให้คนอื่นฟัง ฟังแล้วก็บอกกันต่อ ๆไป จนเข้าหูคนที่ถูกนินทาจนได้
ดังนั้น หนทางหนึ่งที่จะลดการตีจากได้ดี คือ อย่านินทาพรรคพวกลับหลังอย่างเด็ดขาด มีอะไรที่ไม่ชอบใจให้บอกกล่าวกันตรงๆ อย่านินทาผ่านคนที่สาม เลิกเล่นเกมจับผิดพรรคพวก ความผิดพลาดเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้
การเอาตัวรอดจากความผิดพลาด โดยโยนไปเป็นความผิดพลาดของพรรคพวกเพียงครั้งเดียวก็เกินพอสำหรับการปลุกความคิดที่ตีจากให้เกิดขึ้นแล้ว
ในการคบค้ากับพรรคพวกให้คิดทบทวนไว้เสมอว่า เราคบค้ากับพรรคพวกด้วยเป้าหมายใด เราต้องการอะไรจากพรรคพวก ถ้าเป้าหมายคือมีพรรคพวกไว้เยอะเพียงเพื่อแสดงว่าเป็นคนสำคัญในวงการ พรรคพวกไม่ได้มาช่วยการงานใดๆ โดยตรง
การตีจากไม่น่าจะทำความเดือดร้อนใดๆ ขึ้นมากับการงาน แค่ทำใจปล่อยวางการตีจากนั้น ความกังวลใจจะลดลงไปได้ในไม่ช้า เพราะเราไม่ได้สูญเสียอะไร เราแค่สมมติขึ้นมาเองว่าเราเสียหน้าเสียตาเท่านั้น
แต่ถ้าเป้าหมายคือ มีคนช่วยทำการงานให้ประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น ต้องทบทวนอยู่เสมอว่า เราได้มีพฤติกรรมใดบ้างหรือไม่ที่จะสร้างความเข้าใจผิดให้เกิดขึ้น ถ้าพบเจอต้องรีบปรับปรุงแก้ไขพฤติกรรมนั้นโดยเร็ว
ก่อนที่จะมีเหตุเข้าใจผิดที่ขยายไปสู่การตีจากของพรรคพวกเกิดขึ้น ระวังการหยอกล้อหรือ คำพูดที่คิดว่าเป็นเรื่องตลก เพราะทำวงแตกกันมาเยอะแล้ว
พรรคพวกเป็นอนิจจัง มาได้ ก็ตีจากได้เช่นกัน