โรงต้มสุราชุมชนโคราช ตื่นตัวอัพเกรดเป็นสุราชุมชนเกรดพรีเมี่ยม

โรงต้มสุราชุมชนโคราช ตื่นตัวอัพเกรดเป็นสุราชุมชนเกรดพรีเมี่ยม

ผู้ประกอบการโรงต้มสุราชุมชนโคราช ตื่นตัวอัพเกรดเป็นสุราชุมชนเกรดพรีเมี่ยม แต่ติดปัญหาข้อกฎหมายหลายอย่าง วอนว่าที่รัฐบาลชุดใหม่แก้กฎหมาย เพื่อให้โอกาสเติบโตได้

ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปสำรวจความคิดเห็นของผู้ประกอบการโรงต้มสุราชุมชน ในพื้นที่ ต.พุดซา อ.เมือง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีโรงต้มสุราชุมชนมากที่สุดใน จ.นครราชสีมา กว่า 20 โรง ภายหลังจากที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ว่าที่นายกรัฐมนตี จากพรรคก้าวไกล ได้พูดถึงสุราชุมชนยี่ห้อต่างๆ จนกลายเป็นกระแสฟีเวอร์ ทำให้สุราชุมชนยี่ห้องเหล่านั้นขาดตลาดอย่างรวดเร็ว

น.ส.ปัณฑ์ชนิต สังข์สุข อายุ 36 ปี ผู้ประกอบการโรงต้มสุราชุมชนรายหนึ่ง ในพื้นที่ ต.พุดซา อ.เมือง จ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า การผลิตสุรา ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ทั้งหมดจะทำเป็นเหล้าขาว ตีตลาดแรงงานหรือตลาดล่าง เพราะต้นทุนการทำโรงต้มและวัตถุดิบจะถูกกว่า แต่เมื่อทางพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ผลักดันสุราก้าวไกล และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ว่าที่นายกรัฐมนตีคนใหม่ ออกมาพูดถึงสุราท้องถิ่นยี่ห้อต่างๆ ก็ทำให้เกิดเป็นกระแสขึ้นในชั่วข้ามคืน 

ซึ่งผู้ประกอบการโรงผลิตสุรารายย่อยในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ก็ตื่นตัวกันมาก อยากจะต่อยอดทำสุราแบรนด์ท้องถิ่นของตัวเองบ้าง โดยอัพเกรดเป็นสุราเกรดพรีเมี่ยม แต่ติดปัญหากฎหมายหลายฉบับ หลายหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายสิ่งแวดล้อม ซึ่งต้องไปติดต่อแต่ละท้องถิ่น กฎหมายสาธารณสุข ก็ต้องไปติดต่อกับสาธารณสุขอำเภอ กฎหมายตั้งโรงงาน กฎหมายสรรพสามิต และอีกมากมาย ซึ่งแต่ละเรื่องก็ต้องไปติดต่อกับหน่วยงานนั้นๆ

ทำให้เกิดความยุ่งยาก แทนที่จะรวมเป็นเรื่องเดียวกัน อยู่ที่เดียวกัน นอกจากนี้เรื่องภาษี เพราะว่าการทำสุรา มีต้นทุนภาษีที่สูงมาก 50% เป็นต้นทุนภาษี ถ้าจะผลิตแล้วไปวางขาย ต้องไปวางขายในปริมาณมาก รวมทั้งจะขายในราคาเท่ากับหรือมากกว่ายี่ห้อดังของเจ้าใหญ่ ก็ขายสู้ไม่ได้ ต้องขายถูกกว่าถึงจะขายได้ ทำให้ผู้ประกอบการผลิตสุรารายย่อยไม่สามารถไปแข่งขันกับรายใหญ่ได้เลย และที่สำคัญการจะต่อยอดจากโรงต้มสุรา แบบเหล้าขาว ไปผลิตสุราแบบอื่น ก็มีข้อกฎหมายว่าต้องไปตั้งเป็นคนละโรงงานกัน

ทั้งที่ไลน์การผลิตสามารถต่อยอดได้เลย แต่ก็ไม่สามารถทำได้ ดังนั้นจึงทำให้ผู้ประกอบการรายย่อยไม่มีกำลังเงินทุนที่จะไปลงทุนตั้งโรงงานใหม่ได้ จึงอยากฝากถึงว่าที่รัฐบาลชุดใหม่ ให้ช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคเหล่านี้ เพื่อให้โอกาสผู้ประกอบการรายย่อยสามารถต่อยอดจากสิ่งที่มีอยู่ ให้สามารถเติบโตได้อย่างราบรื่น.