ลุยตรวจด่านชั่งน้ำหนักอยุธยา ปมส่วยสติกเกอร์รถบรรทุก พบผิดเกินมาตรฐาน 2 ราย

ลุยตรวจด่านชั่งน้ำหนักอยุธยา ปมส่วยสติกเกอร์รถบรรทุก พบผิดเกินมาตรฐาน 2 ราย

ผู้ตรวจการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่ตรวจด่านชั่งน้ำหนักพระนครศรีอยุธยา ปมส่วยสติกเกอร์รถบรรทุก พบทำผิดน้ำหนักเกินมาตรฐาน 2 ราย พร้อมระบุหากพบเจ้าหน้าที่ทำผิดจับย้ายและสอบวินัยทันที

เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2566 นายมนตรี เดชาสกุลสม ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม พร้อมสื่อมวลชนเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการติดสินบนเจ้าหน้าที่โดยการติดสติกเกอร์บนรถบรรทุก ณ สถานีตรวจสอบน้ำหนักอยุธยา (ขาเข้า) ทางหลวงหมายเลข347 อำเภอพระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา โดยในช่วงเช้าที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่กรมทางหลวงสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้ 2 ราย ในข้อหาขับรถบรรทุกทรายน้ำหนักเกินมาตรฐานจำนวนมาก จึงได้มีการควบคุมตัวและดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม เป็นการตรวจสอบขั้นตอนการทำงานของสถานีชั่งน้ำหนักว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับส่วยสติกเกอร์รถบรรทุกตามที่เป็นข่าวหรือไม่ จากเรื่องดังกล่าวที่ถูกเผยแพร่ออกไปนั้น ทางหน่วยงานจะมีการนำเทคโนโลยีและจะมีการสอบสวนบุคคลากรว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับส่วยสติกเกอร์รถบรรทุกหรือไม่ รวมถึงการหาลักษณะหรือชนิดประเภทความหมายของสติกเกอร์ ตลอดจนการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่นำมาใช้ในด่านชั่งน้ำหนัก 97 จุดทั่วประเทศและจะมีการสร้างด่านชั่งเพิ่มตามความเหมาะสม

ลุยตรวจด่านชั่งน้ำหนักอยุธยา ปมส่วยสติกเกอร์รถบรรทุก พบผิดเกินมาตรฐาน 2 ราย

ส่วนที่สถานีตรวจสอบน้ำหนักอยุธยา (ขาเข้า) ทางหลวงหมายเลข 347 ควบคุมด้วยระบบอัตโนมัติสามารถคัดแยกรถบรรทุกเข้าตรวจสอบน้ำหนักและส่งค่าน้ำหนักไปยังส่วนกลาง หากน้ำหนักไม่เกินกฎหมายที่กำหนด ก็สามารถผ่านด่านได้ตามปกติ แต่หากน้ำหนักเกินจะต้องเข้าด่านชั่งน้ำหนักถาวรตรวจซ้ำอีกครั้ง หากพบว่าน้ำเกินจริงก็จะต้องถูกดำเนินคดีทำบันทึกจับกุมส่งตัวไปยังสถานีตำรวจแต่ละท้องที่ก่อนส่งให้ศาลพิจารณา โดยมีอัตราโทษจำคุก 6 เดือนปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ที่ผ่านมาได้มีการโยกย้ายเจ้าหน้าที่ผู้กระทำความผิดอยู่ตลอด ไม่ได้มีการปล่อยปะละเลย และกรณีที่ สหพันธ์การขนส่งแห่งประเทศไทย ออกมาเผยรายชื่อเจ้าหน้าที่ทางหลวงสถานีตรวจสอบน้ำหนักสุวินทวงศ์ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับส่วยสติ๊กเกอร์รถบรรทุก โดยมีพฤติกรรมเป็นเจ้าของหรือทำสติ๊กเกอร์แจกจ่ายให้กับรถบรรทุก ขณะนี้ได้สั่งการให้โยกย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ยังสถานีตรวจสอบน้ำหนัก จ.สระแก้ว ตลอดจนตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง หากพบผู้บังคับบัญชาเกี่ยวข้องหรือเจ้าหน้าที่ระดับใดก็ตาม จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายไม่มีข้อยกเว้น
 

นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมจะต้องบูรณาการร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ ตรวจสอบอุปกรณ์และเทคโนโลยีที่ประจำด่านชั่งน้ำหนักทั่วประเทศให้มีคุณภาพ เพื่อให้ผู้ประกอบการมีความมั่นใจในการปฏิบัติตามข้อบังคับในการบรรทุกสินค้า อย่างไรก็ตามเชื่อว่าการตีแผ่ข้อมูลเรื่องส่วยสติ๊กเกอร์รถบรรทุกจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นและหมดไปในอนาคต

นายอลงกรณ์ พรหมศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานควบคุมน้ำหนักยานพาหนะ ยอมรับว่าปี 2563 – 2566 กรมทางหลวงสามารถจับกุมผู้ที่กระทำความผิดได้เพิ่มขึ้นกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากตำรวจทางหลวงมีสถานีควบคุมชั่งน้ำหนักทั่วประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ไม่มีด่านชั่งน้ำหนักก็จะมีระบบพ้อยท์เช็คที่สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้จำนวนมาก ซึ่งแต่ละสถานีชั่งน้ำหนักสามารถครอบคลุมรัศมีในพื้นที่ 8 กิโลเมตร และมีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับกฎหมายท้องถิ่นที่บังคับเวลาในการวิ่งเข้าเมือง