ทอท. แถลงปมทางเลื่อนสนามบินดอนเมืองดูดขา เหตุแผ่นพื้นหลุดออกจากโครงยึด

ทอท. แถลงปมทางเลื่อนสนามบินดอนเมืองดูดขา เหตุแผ่นพื้นหลุดออกจากโครงยึด

ทอท. แถลง ผลการตรวจสอบอุบัติเหตุทางเลื่อนสนามบินดอนเมือง เผย สาเหตุทางเลื่อนขัดข้อง ทำแผ่นพื้นหลุดออกจากโครงยึดเกิดช่องว่าง ยัน ไม่ได้เกี่ยวกับล้อกระเป๋าเดินทาง

วันนี้ (26 ก.ค.66) ที่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT แถลงข่าวผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีอุบัติเหตุบริเวณทางเลื่อนของอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ อาคาร 2 ท่าอากาศยานดอนเมือง โดย ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ AOT, เรืออากาศเอก ธรรมาวุธ นนทรีย์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (สายงานมาตรฐานท่าอากาศยานและการบิน) พร้อมคณะกรรมการพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ และมีผู้สังเกตการณ์ซึ่งเป็นผู้แทนจากผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 2 ท่าน และผู้สังเกตการณ์ที่เป็นผู้แทนจากบริษัทประกันภัย จำนวน 2 ท่าน

ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) AOT) กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่ผู้โดยสารประสบอุบัติเหตุเท้าติดทางเลื่อน บริเวณทางเดิน South Coridor ระหว่าง Pier 4-5 ของอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ อาคาร 2 ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) เมื่อเวลาประมาณ 08.21 น.ของวันที่ 29 มิถุนายน 2566 ซึ่งทีมแพทย์ประจำ ทดม.ได้เข้าดูแลพร้อมนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษาอย่างเร่งด่วนในทันที และ AOT ได้แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีอุบัติเหตุบริเวณทางเลื่อนของอาคารผู้โดยสารภายอาคาร 2 ท่าอากาศยานดอนเมือง
 

ขณะที่เรืออากาศเอกธรรมาวุธ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในระยะเวลา 22 วันของการดำเนินการ คณะกรรมการฯ ได้จัดการประชุมเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง และได้ดำเนินการในด้านต่างๆ จนได้ข้อสรุปสาเหตุ และการถอดบทเรียน ซึ่งคณะกรรมการฯ ได้มีการพิจารณา โดยจากข้อมูลพบว่าทางเลื่อนมีการติดตั้งทางเลื่อนตั้งแต่ปี 2530 และมีการบำรุงรักษาครั้งใหญ่ปี 2558 แต่ไม่พบเอกสารรายงานการซ่อมบำรุงบางรายการ และจากพยานวัตถุจำนวน 10 รายการ พิจารณาพยานเอกสารจำนวน 23 รายการ และพิจารณาข้อมูลจากการให้ถ้อยคำของผู้เกี่ยวข้องจำนวน 34 ราย

“ได้ข้อสรุปสาเหตุจากพยานหลักฐานที่ปรากฎข้อเท็จจริง คือ ทางเลื่อนที่เกิดเหตุมีปัญหาโดยมีน็อตหลุด จนแผ่นพื้นหลุดออกจากโครงยึดทำให้เกิดช่องว่าง ส่งผลให้ขาผู้โดยสารหล่นลงไปได้รับบาดเจ็บสาหัส” ซึ่งไม่ได้เกิดจากรองเท้าของผู้ได้รับบาดเจ็บที่ได้อยู่บริเวณหวีของทางเลื่อน อีกทั้งส่วนล้อกระเป๋าลากผู้ได้รับบาดเจ็บจากการตรวจสอบพบว่า ล้อกระเป๋ายังหมุนได้ปกติไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด แต่เกิดจากสาเหตุการบำรุงรักษาไม่เป็นไปตามมาตรฐาน
 

สำหรับการดูแลผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บ คณะผู้บริหาร AOT ได้มีการเข้าเยี่ยมและติดตากระบวนการรักษาจากทีมแพทย์อย่างใกล้ชิด พร้อมรับผิดชอบดูแลค่ารักษาพยาบาล และจะดำเนินการเรื่องค่าชดเชยเยียวยาผู้บาดเจ็บอย่างดีที่สุด ซึ่งในกรณีดังกล่าว AOT ได้มีการทำประกันภัยความรับผิดชอบต่อบุคคลที่สาม โดยสถานที่ที่เอาประกันภัยตามกรมธรรม์คือ ท่าอากาศยาน ซึ่งหลังจากนี้ทาง ทอท.จะเป็นตัวกลางในการเจรจากับประกัน ยืนยันว่า จะดูแลผู้ได้รับบาดเจ็บและครอบครัวให้ดีที่สุด รวมถึงการใช้ชีวิตในอนาคตของผู้ได้รับบาดเจ็บด้วย

ดร.กีรติ กล่าวอีกว่า ทอท.ขอแสดงความเสียใจอีกครั้งต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างยิ่ง และขอยืนยันว่า ทอท.ยึดมั่นถึงความปลอดภัยของผู้ใช้บริการท่าอากาศยานเป็นหลักมาโดยตลอด โดยได้มีการตรวจสอบและบำรุงรักษาเครื่องมือและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ภายในท่าอากาศยานให้มีความปลอดภัยและพร้อมใช้งานอย่างสม่ำเสมอโดยบริษัทผู้เชี่ยวชาญ จึงขอให้ผู้โดยสารเชื่อมั่นในการมาใช้บริการท่าอากาศยานของ ทอท.

เมื่อว่าเรื่องคดีความทาง ทอท. จะดำเนินการต่ออย่างไร ดร.กีรติ ระบุว่า ในส่วนเรื่องคดีความต้องเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสอบสวนสืบสวน พิจารณาในการแจ้งข้อกล่าวหากับผู้กระทำความผิด ซึ่งจากการตรวจสอบ พบว่า เกิดจากบริษัทคู่สัญญาจ้าง ไม่ได้มีการดำเนินการตามข้อกำหนด ที่จะต้องบำรุงรักษาเป็นตามกำหนด รวมถึงบำรุงรักษาไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ จนทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น

ส่วนกรณีคณะกรรมการพิจารณาฯ จะพิจารณาเปลี่ยนทางเลื่อนหรือไม่ ดร.กีรติ บอกว่า ในส่วนนี้อาจจะใช้เวลาประมาณ 6-8 เดือนเนื่องจากต้องรองบประมาณในการจัดซื้อจัดจ้างต่อไป ซึ่งระหว่างนี้ยังปิดใช้งานทางเลื่อนชั่วคราว แต่ช่วง 3 เดือนหลังจากนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบบำรุงรักษาทางเลื่อนโดยละเอียดเพื่อให้เกิดความมั่นใจ จากนั้นจะประเมินเปิดใช้งานต่อไป