สทนช. ผนึกกำลังประเทศลุ่มน้ำโขง ใช้เทคโนโลยีรับมือสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง

สทนช. ผนึกกำลังประเทศลุ่มน้ำโขง ใช้เทคโนโลยีรับมือสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง

รองเลขาธิการ สทนช. เผยผนึกกำลังประเทศลุ่มน้ำโขงก้าวสู่ความยั่งยืน นำเทคโนโลยีดิจิทัลรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

การประชุมระดับนานาชาติด้านน้ำ แม่โขง-เกาหลี ครั้งที่ 2 สทนช. เดินหน้าพัฒนาความร่วมมือ เพิ่มประสิทธิภาพด้านการจัดการทรัพยากรน้ำในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงอย่างยั่งยืน พร้อมนำเทคโนโลยีดิจิทัลในการรับมือกับความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
 
นายชยันต์ เมืองสง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.)  เปิดเผยภายหลังการเป็นผู้แทนรัฐบาลไทยเข้าร่วมการประชุมระดับนานาชาติด้านน้ำ แม่โขง-เกาหลี ครั้งที่ 2 (2nd Mekong - Korea International Water Forum: 2nd MKWF) ณ สาธารณรัฐเกาหลี  เมื่อเร็วๆนี้ว่า  การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Climate Resilience through Digital Water Management in the Mekong Region” หรือ "การบริหารทรัพยากรน้ำด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลในการรับมือกับความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ" 

สทนช. ผนึกกำลังประเทศลุ่มน้ำโขง ใช้เทคโนโลยีรับมือสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง

เพื่อนำไปสู่การพัฒนาความร่วมมือเเพิ่มขีดความสามารถด้านการจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศลุ่มน้ำโขงสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน รวมทั้งบูรณาการเครือข่ายความร่วมมือที่มีอยู่และเทคโนโลยีนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาแนวทางการดำเนินการด้านน้ำที่มีประสิทธิภาพ  โดยในส่วนยของประเทศไทยได้เน้นย้ำสานสัมพันธ์ความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับแม่น้ำฮันของสาธารณรัฐเกาหลี เพื่อรักษาความอุดมสมบูรณ์ลุ่มน้ำภายใต้การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในภูมิภาคอาเซียน

นอกจากนี้ ยังได้ร่วมอภิปราย เรื่อง “แนวทางการดำเนินการในอนาคตต่อการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลในลุ่มน้ำโขง” กับรัฐมนตรีกระทรวงสิ่งแวดล้อม สาธารณรัฐเกาหลี ผู้แทนประเทศสมาชิกลุ่มน้ำโขงจาก สปป. ลาว กัมพูชา เวียดนาม ผู้แทนจากประเทศคู่เจรจา ประเทศเมียนมา และผู้แทนจากหน่วยงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกา (USAID) โดยไทยได้หยิบยกประเด็นผลกระทบข้ามพรมแดนที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาค   

พร้อมทั้งเสนอให้มีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้เพื่อยกระดับการคาดการณ์ พยากรณ์ การบริหารจัดการร่วมกัน การเฝ้าระวัง และการติดตามผลกระทบ โดยคาดหวังว่าผลการหารือในการประชุมครั้งนี้ จะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนในภูมิภาคอย่างมีนัยสำคัญต่อไป

สทนช. ผนึกกำลังประเทศลุ่มน้ำโขง ใช้เทคโนโลยีรับมือสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง

 ทั้งนี้ ประชุมได้มีข้อเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหันมาให้ความสำคัญในเรื่องต่างๆดังนี้  

1.การบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ เพื่อป้องกันผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (System water preparedness for climate change impacts) ผ่านการวางกลยุทธ์โดยคำนึงถึงแนวทางการพัฒนาของแต่ละประเทศเป็นสำคัญ ยกระดับความมั่นคงด้านน้ำในลุ่มน้ำข้ามพรมแดน และใช้ Nature-based solutions เป็นเครื่องมือหนึ่งในการบริหารจัดการ นำไปสู่สังคมคาร์บอนเป็นกลาง (Carbon Neutrality) 

 2.งบประมาณด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate finance) เน้นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำโดยใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดการปล่อยคาร์บอนน้อยลง ซึ่งจะเป็นการสนับสนุนการส่งถ่ายเทคโนโลยีจากประเทศที่มีความก้าวหน้ามากกว่าไปยังประเทศผู้รับได้อีกทางหนึ่ง 

และ 3.การแบ่งปันข้อมูล ให้มีการแบ่งปันและแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างโปร่งใส เพื่อก่อให้เกิดการเติบโตอย่างเท่าเทียมและครอบคลุม  

อย่างไรก็ตาม กลุ่มประเทศสมาชิกแม่น้ำโขง ต้องให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกันเพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศลุ่มน้ำ โดยมีการยกร่างแผนการดำเนินงานร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรมอีกด้วย 

"การประชุม MKWF  ถือว่า เป็นเวทีประชุมน้ำนานาชาติประจำปี ระหว่างประเทศสมาชิกคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงและหุ้นส่วนการพัฒนา ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ซึ่งรวมถึงผู้แทนระดับรัฐมนตรี ผู้แทนระดับสูง ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำ และผู้ที่เกี่ยวข้องจากอนุภูมิภาคแม่น้ำโขง ร่วมกันอภิปรายและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อหารือเกี่ยวกับประเด็นน้ำ แนวทางแก้ไข และการขยายความร่วมมือกับหุ้นส่วนอื่นๆ" รองเลขาธิการ สทนช. กล่าวในตอนท้าย