ผบช.ภ.5 รวบ 7 บัญชีม้า หลอกหญิงเกษียณลงทุน สูญเงิน 5.2 ล้านบาท

ผบช.ภ.5 รวบ 7 บัญชีม้า หลอกหญิงเกษียณลงทุน สูญเงิน 5.2 ล้านบาท

ผบช.ภ.5 เร่งคลี่คลายคดีหญิงเกษียณวัย 63 ปี ถูกเผาปริศนาเสียชีวิตภายในบ้าน พบหลักถูกหลอกลงทุนสูญเงินกว่า 5.2 ล้านบาท ล่าสุดจับผู้ต้องหาร่วมหลอกลุงทนแล้ว 7 ราย ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตยังรอผลทางนิติวิทยาศาสตร์

วันนี้ (24 ต.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีหญิงเกษียณวัย 63 ปี ถูกเผาเสียชีวิตปริศนาภายในบ้านขอนตาล ตำบลริมใต้ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ล่าสุด พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ได้แถลงความคืบหน้า หลังการตรวจสอบโทรศัพท์ของผู้ตายพบว่าได้มีการเริ่มลงทุนแอปธุรกิจอออนไลน์หลอกลงทุน ให้ซื้อของเป็นภารกิจ และได้เงินค่าตอบแทน เป็นลักษณะกำไรต่อครั้งที่ปฏิบัติภารกิจ และจะหลอกให้เพิ่มเงินในภารกิจมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งพบว่าผู้เสียชีวิตมีการโอนเงินไปยังบัญชีของเครือข่ายธุรกิจนี้เป็นเงิน 5.2 ล้านบาท

ผบช.ภ.5 รวบ 7 บัญชีม้า หลอกหญิงเกษียณลงทุน สูญเงิน 5.2 ล้านบาท
 

พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เปิดเผยว่า ภายหลังการสืบสวนสอบสวนพบร่องรอยและพยานหลักฐานปรากฎในโทรศัพท์มือถือของผู้เสียชีวิตว่าผู้เสียชีวิตได้ถูกหลอกลวงจากกลุ่มคอลเซ็นเตอร์ให้โอนเงินเพื่อร่วมลงทุนและทำภารกิจโดยได้รับผลตอบแทนเป็นเงินจำนวนมากผิดปกติ ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ "MIJINTONG" แต่ไม่ได้รับเงินตามที่ถูกหลอกลวง เช่น เติมเงินครั้งแรก 30,000 บาท รับรางวัล 899 บาท และเป็นการหลอกลวงผู้เสียหายอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยังมีการหลอกลวงและจูงใจให้ผู้เสียหายทำการชักชวนบุคคลอื่นให้มาร่วมลงทุน ในลักษณะแชร์ลูกโซ่เพื่อเลื่อนระดับชั้นของรหัสสมาชิก และได้รับค่าคอมมิชชั่นในจำนวนที่สูงขึ้น ซึ่งไม่มีอยู่จริง รวมถึงมีการโน้มน้าวใจให้ผู้เสียหายโอนเงินเพิ่มมากขึ้นเพื่อต่อรหัสสมาชิก และรับเงินกำไรที่ได้จากการลงทุน ซึ่งถ้าหากไม่ทำการโอนเงินรหัสสมาชิกจะหมดอายุ โดยผู้เสียหายได้ถูกหลอกลวงในลักษณะเช่นนี้เรื่อยมา และหลงเชื่อจนต้องโอนเงินให้แก่กลุ่มคนร้าย จนกระทั่งมารู้ภายหลังว่าถูกหลอกลวงได้สูญเงินเป็นจำนวน 5.2 ล้านบาท

ผบช.ภ.5 รวบ 7 บัญชีม้า หลอกหญิงเกษียณลงทุน สูญเงิน 5.2 ล้านบาท
 

จากการสืบสวนขยายผลพบว่า ผู้เสียหายได้ถูกหลอกให้โอนเงินไปยังบัญชีม้า และเงินถูกโอนต่อไปยังบัญชีอื่นจำนวนทั้งสิ้น 21 บัญชี มีผู้ต้องหา 21 ราย โดยแบ่งเป็นบัญชีชั้นที่ 1 จำนวน 10 บัญชี และเงินถูกโอนต่อไปยังบัญชีชั้นที่ 2 จำนวน 11 บัญชี อีกทั้งยังมีเงินของผู้เสียหายบางส่วนถูกโอนไปยังบัญชีชั้นที่ 3 ด้วย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม

พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานและยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อขออนุมัติหมายจับผู้กระทำความผิดที่ปรากฎทั้งหมด จำนวน 20 ราย ต่อมาวันที่ 20 ตุลาคม 2566 ศาลจังหวัดเชียงใหม่ได้อนุมัติหมายจับผู้ร่วมกระทำความผิดในคดีทั้งหมด ในความผิดฐาน "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลางนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนร่วมกันฟอกเงินและความผิดตามพระราชกำหนด มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี"

โดยผู้ต้องหาแบ่งเป็นกลุ่มบัญชีชั้นที่ 1 ประกอบไปด้วยคนไทย จำนวน 10 ราย, กลุ่มบัญชีชั้นที่ 2ประกอบไปด้วยคนไทย จำนวน 7 ราย และคนต่างชาติ จำนวน 3 ราย รวมทั้งสิ้น จำนวน 20 ราย ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีมาทำการสืบสวนขยายผลและนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายไปแล้วทั้งสิ้น จำนวน 7 ราย ทั้งนี้ในส่วนของผู้ต้องหาตามหมายจับที่อยู่ระหว่างหลบหนีอีก 13 รายนั้น จะได้ดำเนินการระดมกำลังและติดตามจับกุมผู้ต้องหามาสืบสวนขยายผลและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ส่วนสืบสวนหาสาเหตุการเสียชีวิตนั้นคืบหน้าไปมาก แต่ยังต้องรอผลทางนิติวิทยาศาสตร์อย่างละเอียด ซึ่งเบื้องต้นมีแนวโน้มว่า จะเป็นการ ทำร้ายตัวเองจนถึงแก่ชีวิต