บุกทลายโกดัง จับแก๊งหลอกส่งสินค้าเก็บเงินปลายทาง พบทำมากว่า 1 ปี
"ตำรวจไซเบอร์" บุกค้นโกดังสินค้า "หลอกส่งสินค้าเก็บเงินปลายทาง" รวบ 2 นายจ้าง พบ แรงงานต่างด้าวนั่งแพ็กของกว่า 20 ชีวิต มีเหยื่อหลงเชื่อไม่ต่ำกว่า 20 % หรือเกือบ 5,000 ชิ้น เป็นเงินครั้งละ 1 ล้านบาท พบทำมากว่า 1 ปี เร่งขยายผลจับตัวการ
วันนี้ (28 พ.ย. 66) พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ , พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.ตม.3 , พล.ต.ต.นิพนธ์ บุญเกิด ผบก.สอท.2 , พ.ต.อ.จักรกฤช ศรีโรจนากูร ผกก.2 บก.สอท.2 สนธิกำลังกรมศุลกากร และบก.ตม.1 นำหมายค้นเข้าตรวจสอบบริษัทหนึ่งภายใน ซอยสะแกงาม 14 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กทม. ซึ่งเป็นโกดังสินค้าให้เช่าขนาดใหญ่ เจ้าหน้าที่ได้แสดงหมายค้นเข้าตรวจสอบ พบนางอารียา (สงวนนามสกุล) อายุ 64 ปี นายหยุน เฉิน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ในความผิดฐาน "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน" จึงได้คุมตัวไว้ อีกทั้งได้คุมตัวบุคคลต่างด้าวกว่า 20 คน ขณะกำลังนั่งทำงานแพ็กสินค้า
จากการตรวจสอบพบว่าบุคคลต่างด้าวทั้ง 20 คน บางส่วนมีหนังสือเดินทางเข้ามาอย่างถูกต้อง บางส่วนไม่มีเอกสารยืนยันตัวบุคคล นอกจากนี้เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดของกลาง เป็นกล่องพัสดุและสินค้าจำนวนมากกว่า 3 หมื่นชิ้น จึงได้ทำการตรวจยึดไว้
พล.ต.ท.วรวัฒน์ เปิดเผยว่า จากสถิติการรับแจ้งความออนไลน์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผ่านเว็บไซต์ https://www.thaipoliceonline.com พบว่าประเภทคดีที่สร้างความเสียหาย ให้กับพี่น้องประชาชนมากที่สุด คือหลอกขายของออนไลน์ โดยสถิติตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.-31 ต.ค. 2566 มีการแจ้งความ 3.5 แสนราย เป็นเรื่องของการหลอกซื้อสินค้า 1.4 แสนราย ซึ่งทาง นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้มีการตั้งคณะทำงานแก้ไขปัญหาการซื้อสินค้า พร้อมเร่งรัดให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการสืบสวน พบว่ามีขบวนการหลอกเก็บเงินปลายทาง
จึงได้ดำเนินการสืบสวนทราบว่าพัสดุดังกล่าวถูกส่งมาจากโกดังดังกล่าว จึงรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายค้นเพื่อเข้าตรวจสอบและจับกุมผู้ต้องหาและผู้ร่วมขบวนการ
พล.ต.ต.นิพนธ์ กล่าวว่า จากการสืบสวน พบว่าขบวนการดังกล่าวมี นายถูเซงเปียว 44 ปี ชาวจีน เป็นผู้เช่า ซึ่งอยู่ระหว่างการติดตามตัว จะใช้โกดังเป็นสถานที่แพ็กสินค้า ใช้วิธีการเก็บสินค้าไว้ที่โกดัง แต่จะใช้วิธีนำสินค้ามาครั้งละ 3 หมื่นชิ้น เพื่อให้คนงานแพ็กสินค้าและติดลาเบล ก่อนขนย้ายเพื่อกระจายส่ง โดยเฉลี่ยแล้วในการส่งแต่ละครั้ง จะมีการตีคืนพัสดุ 2.5 หมื่นกล่อง ส่งสำเร็จ 5 พันกล่อง คิดเป็นร้อยละ 20 มูลค่าความเสียหาย 1 ล้านบาท โดยทำมากว่า 1 ปี ซึ่งก่อนหน้านี้มีใช้โกดังย่านบางกระดี่ ก่อนย้ายที่ตั้งมาที่โกดังแห่งนี้
ด้าน พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ ระบุว่า ขบวนการนี้สร้างความเสียหายให้กับประชาชน บางส่วนเข้าใจว่าตนเองไม่ได้สั่งสินค้า กลับมีสินค้ามาส่งที่บ้าน แต่ก็มีประชาชนบางกลุ่ม ประมาณร้อยละ 20 ที่ไม่ทันระวังก็ตกเป็นเหยื่อ ซึ่งวิธีการป้องกันมิจฉาชีพเหล่านี้คือ ถ้าเราไม่ได้สั่งสินค้าอะไร ก็อย่าไปหลงเชื่อ หรืออีกกรณี ถ้าไม่แน่ใจว่าได้สั่งหรือไม่ ให้ใช้วิธีอัดวีดีโอ เพื่อตรวจสอบว่าของตรงกับที่เราสั่งไปหรือไม่ ถ้าไม่ตรงตามที่สั่งก็ให้ส่งหรือตีกลับ ซึ่งถือว่าเป็นวิธีป้องกันตัวเองที่ดีที่สุด
ส่วนการจับกุมผู้ต้องหา แบ่งออกเป็น 3 ส่วน
1.ผู้ต้องหาที่ทำหน้าที่เฝ้าโกดัง จำนวน 2 ราย
2. คนงานที่ทำงานอยู่ภายในโกดัง ประมาณกว่า 20 คน ตรวจสอบพบว่าไม่มีพาสปอร์ต 18 คน จึงแจ้งข้อหาลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย
3. บุคคลตามหมายจับ ซึ่งส่วนนี้ต้องตรวจสอบให้แน่ชัดอีกครั้งว่าเป็นเจ้าของ หรือรับหน้าที่ในส่วนใดของขบวนการ