กรมชลประทาน เตรียมรับสถานการณ์ฝนน้อย สั่งจัดการน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด

กรมชลประทาน เตรียมรับสถานการณ์ฝนน้อย สั่งจัดการน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด

กรมชลประทาน ไม่หวั่น เตรียมรับสถานการณ์ฝนน้อย สั่งทุกโครงการชลประทานบริหารจัดการน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด

วันนี้ (15 ม.ค.67) ที่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ(SWOC) อาคาร 99ปี หม่อมหลวงชูชาติ กำภู กรมชลประทาน ถนนสามเสน ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ ผ่านระบบ Video Conference ไปยังสำนักงานชลประทานที่ 1-17 สำนักเครื่องจักรกล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมี ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทาน/โครงการชลประทาน/โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษา ผู้อำนวยการส่วนและหัวหน้าฝ่าย ตลอดจนผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม เพื่อติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำ แหล่งน้ำ และแม่น้ำสายหลักต่าง ๆ สำหรับเป็นข้อมูลในการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องและเหมาะสมในแต่ละพื้นที่ต่อไป  

กรมชลประทาน เตรียมรับสถานการณ์ฝนน้อย สั่งจัดการน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด
 

สำหรับสถานการณ์น้ำปัจจุบัน (15 ม.ค.67) พบว่า อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 57,198 ล้าน ลบ.ม. (75% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 16,584 ล้าน ลบ.ม. (67% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) กรมชลประทานได้วางแผนจัดสรรน้ำช่วงฤดูแล้งปี 2566/67 ตามปริมาณน้ำต้นทุนที่มี ด้วยการจัดสรรน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคเป็นหลัก รักษาระบบนิเวศ การเกษตร อุตสาหกรรม และสำรองไว้ใช้ในต้นฤดูฝนหน้าตามลำดับ จนถึงขณะนี้มีการจัดสรรน้ำในช่วงฤดูแล้งทั้งประเทศไปแล้วกว่า 8,879 ล้าน ลบ.ม. (41%) เฉพาะลุ่มเจ้าพระยามีการใช้น้ำไปแล้วประมาณ 2,785 ล้าน ลบ.ม. (46%) ปัจจุบันทั้งประเทศมีการเพาะปลูกข้าวนาปรังไปแล้ว 6.73 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 116 ของแผนฯ  เฉพาะลุ่มเจ้าพระยา มีการเพาะปลูกข้าวนาปรังไปแล้ว 4.83 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 160 ของแผนฯ ภาพรวมสถานการณ์น้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ 
 

ทั้งนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่า ในช่วงครึ่งปีแรกอาจมีปริมาณฝนน้อยกว่าค่าปกติ จึงกำชับไปยังโครงการชลประทานโดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางให้ติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด พร้อมนำสถิติฝนที่ผ่านมา มาวิเคราะห์คาดการณ์ปริมาณน้ำ เพื่อวางแผนการบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์และเกิดประโยชน์สูงสุด รวมทั้งรณรงค์ให้เกษตรกรหันมาทำนาแบบเปียกสลับแห้ง เพื่อเป็นการประหยัดน้ำ ช่วยรักษาระดับน้ำในคลอง ลดการรับน้ำเข้าแปลงโดยไม่จำเป็น ที่สำคัญให้ปฏิบัติตาม 9 มาตการรับมือฤดูแล้งปี 66/67 ที่กองอำนวยการน้ำแห่งชาติกำหนดอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำเป็นไปตามแผน และเพียงพอไปตลอดช่วงฤดูแล้งนี้