คุณแม่ขึ้นศาลสืบพยานโจทก์ คดีแตงโม เชื่อมือ ทนายเดชา ไม่หวั่นถูกฟ้องหมิ่น

คุณแม่ขึ้นศาลสืบพยานโจทก์ คดีแตงโม เชื่อมือ ทนายเดชา ไม่หวั่นถูกฟ้องหมิ่น

'ทนายเดชา' พร้อมขึ้นบัลลังก์ว่าความ หลังกลับมาเป็นทนายความให้ 'แม่แตงโม' รอบ 2 เปรียบเหมือนพบรักใหม่ หวังว่าจะไม่เทอีก ด้าน 'คุณแม่' มั่นใจทนายเดชาเก่งที่สุด ไม่หวั่นถูกอดีตที่ปรึกษาฟ้องหมิ่น

วันที่ 23 มกราคม 2567 เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ศาลจังหวัดนนทบุรี นางพนิดา ศิริยุทธโยธิน (แม่แตงโม) แม่ของดาราสาว พร้อมด้วย ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความ เดินทางมาที่ศาลจังหวัดนนทบุรี เพื่อฟังคำฟ้องของอัยการโจทก์ บรรยายฟ้องคนบนเรือประมาทหลายอย่างจนทำให้ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ 'แตงโม' ตกเรือเสียชีวิต

 

 

โดย ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ กล่าวว่า วันนี้มานัดสืบพยานโจทก์ มี 15 ปาก ซึ่งเป็นพนักงานอัยการที่จะนำสืบเรื่องเหตุการณ์ตกเรือเสียชีวิตของแตงโม พร้อมขอบคุณแม่แตงโมที่ให้โอกาสตนอีกครั้ง และหวังว่าจะไม่เทอีกครั้ง ตั้งแต่เป็นทนายให้แม่มา ครั้งก่อน 77 วัน ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่จะว่าความ เหมือนกับได้พบรักใหม่

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าการว่าความครั้งนี้ต้องเตรียมอะไรใหม่หรือไม่ ทนายเดชา กล่าวว่า ไม่ต้องเตรียม เพราะตนทำคดีตั้งแต่เริ่มต้น ทราบดีอยู่แล้ว คุยกับชุดสืบสวน พยานอะไรก็รู้หมดแล้ว เพียงแต่มารื้อฟื้นเหตุการณ์ ประเด็นในคำฟ้องจำเลยทั้ง 4 คน มีแซน วิศาพัช เป็นจำเลยที่ 1 ชักชวนกันไปดื่มเหล้าในเรือ คนขับเรือก็ไม่มีใบอนุญาต ไม่มีความรู้ ไม่มีประสบการณ์ หลังจากนั้นปล่อยให้แตงโมเดินไปเดินมาบนเรือ ไม่มีเสื้อชูชีพ ไม่มีห่วงยาง พอแตงโมตกเรือแล้วไม่หยุดหรือชะลอช่วย จนเป็นเหตุให้แตงโมถึงแก่ความตาย จึงเป็นเหตุให้จำเลยทั้ง 3 มีความผิด ส่วนจำเลยที่ 4 พนักงานอัยการฟ้องว่า เป็นคนแนะนำให้จำเลยในคดีนี้ไปโกหกพนักงานสอบสวน ไปพบพนักงานสอบสวนช้าๆ แอลกอฮอล์ในเลือดจะได้หายไป

 

นอกจากนี้ยังโกหกถึงจำนวนขวดไวน์ ซึ่งความจริงมีมากกว่า 3 ขวดบนเรือ แต่เอาโยนทิ้งและโกหกว่ามีเพียงขวดเดียว ซึ่งทั้งหมดเป็นเนื้อหาในคำฟ้อง ส่วนจำเลยจะมีความผิดจริงหรือไม่ ต้องสืบพยานสู้กัน คาดว่าน่าจะเป็นช่วงเดือนพฤศจิกายน สืบไปแล้ว 8 นัด นัดนี้นัดที่ 9 เหลือประมาณ 36 นัด กว่าจะตัดสินคาดว่าปีหน้า 2568

 

 

ด้าน นางพนิดา (แม่แตงโม) เปิดเผยว่า หลังทนายเดชากลับมาเป็นทนายความครั้งที่ 2 ก็รู้สึกสบายใจมาก เหมือนกับยกภูเขาออกจากอก เพราะมั่นใจในความเก่งของทนายเดชา แต่ช่วงก่อนหน้านี้มีเรื่องขัดใจกัน มองคนละอย่างแค่นั้น ไม่ได้ทะเลาะกัน ยอมรับตนใช้ทนายเปลือง ไม่ถูกใจก็เลิก ที่ไม่ถูกใจคือทำคดีให้ไม่คืบหน้า ไม่เก่ง จึงตัดสินใจกลับมาหาทนายเดชาในคืนนั้น หากยังเป็นอดีตที่ปรึกษาคนเดิมยังช่วยดูแลอยู่ แม่ก็ตายแล้ว มาเรียกเงิน 2 ล้านบาท ซึ่งจนขณะนี้ยังไม่ได้คุยกัน ยังไม่ได้รับการติดต่อจากนายชัยวัฒน์ หลังจากเอาเงินแล้วก็หายไปและยังไม่เคยได้เงินคืน

 

ส่วนกรณีอดีตที่ปรึกษาฟ้องหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา 2 วัน หลังจากที่แม่แถลงข่าวว่าถูกยักยอกเงินไป แม่แตงโม ระบุว่า เบื้องต้นทราบว่าหนีไปอยู่ที่ลาวแล้ว ยืนยันไม่รู้สึกอะไร เฉยๆ มั่นใจตนเองไม่มีความผิด อีกฝ่ายต่างหากที่มีความผิด พร้อมจะสู้คดี

 

นอกจากนี้ แม่แตงโม ได้ตั้งข้อสังเกตว่า 'อดีตที่ปรึกษา' มักเรียกวงเงินในการฟ้องหลักร้อยล้าน อย่างคดีนี้ 176 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 300 ล้านบาท จนตนเองต้องรีบมาถอนฟ้อง ไม่เช่นนั้นจะเป็นฝ่ายผิดเอง ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครมาจ่ายหลักร้อยล้าน โดยก่อนหน้านี้ได้ยื่นเอกสารลดเงินชดใช้ในฝ่ายจำเลยแล้ว มองว่าอดีตที่ปรึกษาน่าจะมีปัญหาเรื่องเงิน อยากได้เงิน พร้อมท้ากลับจัดมาเลยจัดมาหลายๆคดีก็ได้ เพราะไม่มีอะไรที่เค้าจะฟ้องได้ ขณะนี้ยังไม่ได้รับหมายศาล และยืนยันว่าอดีตที่ปรึกษาไม่ใช่ทนาย ไม่มีสิทธิฟ้อง คนนี้เป็นทะแนะ ไม่ใช่ทนาย โดยท้าให้เอาใบประกอบวิชาชีพมาโชว์ ยืนยันจะไม่เปลี่ยนทนายแล้ว เหนื่อยแล้ว ทนายเดชาเก่งที่สุดแล้ว

 

ส่วนประเด็นที่แซนไปออกรายการหนึ่งและให้สัมภาษณ์นั้น ยังไม่ได้เจอกัน ไม่ได้คุยกัน หากอีกฝ่ายไม่เคือง อนาคตก็จะได้เห็นภาพจำเลยและโจทก์กอดกันที่ใต้ต้นไม้หน้าสำนักงานทนายคลายทุกข์อีก เพราะแซนยังเคารพและรัก มีสัมคาราวะ ไม่เหมือนจำเลยบางคนที่ถามว่าทำไมไม่ไหว้แม่ เค้าตอบว่า เสียเวลา

 

คุณแม่ขึ้นศาลสืบพยานโจทก์ คดีแตงโม เชื่อมือ ทนายเดชา ไม่หวั่นถูกฟ้องหมิ่น