ไม่มีสวรรค์สำหรับคุณ บุกจับคาม่านรูด แก๊งหลอกดูดเงินผ่านแอป
นัดสาวเข้าโรงแรม ไม่มีสวรรค์สำหรับคุณ ตำรวจบุกจับคาม่านรูด แก๊งหลอกดูดเงินผ่านแอป
บุกจับคาม่านรูด แก๊งหลอกดูดเงินผ่านแอป เมื่อวันที่ 26 ก.พ. 2567 เวลาประมาณ 22.10 น. เจ้าหน้าที่สืบนครบาล ได้จับกุมตัว คือ คือ นายวัฒนา อายุ 44 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดอ่างทอง ที่ 35/2567 ลงวันที่ 7 ก.พ. 67 ในข้อหาทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่งอันมีใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญาและฉ้อโกงทรัพย์
เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตนโดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้องหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้หรือยืมใช้เลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน
ทั้งนี้โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด
จับได้ที่ภายในม่านรูด ถนนพัฒนาการ แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร
พฤติการณ์กล่าวคือ เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2566 ผู้เสียหายได้ทำการสั่งซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มขายของออนไลน์ แต่ไม่ได้รับสินค้าแต่อย่างใด จึงได้ติดต่อไปยังทางร้านค้าที่ให้ข้อมูลไว้ในแพลตฟอร์มดังกล่าว เพื่อสอบถามตามเบอร์โทรร้านค้าตัวแทน
จากนั้นมิจฉาชีพจึงยื่นข้อเสนอว่า หากยังไม่ได้รับสินค้า ขอเป็นคืนเงินให้ลูกค้า ทำให้ผู้เสียหายจึงหลงเชื่อ และทำตามขั้นตอนที่มิจฉาชีพแจ้งให้ดาวน์โหลดแอปมาติดตตั้ง และให้กรอกข้อมูลบัญชีธนาคาร และสแกนใบหน้า โดยใช้เวลาในการพูดคุยสนทนา 30 นาที เมื่อผู้เสียหายทำขั้นตอนครบถ้วน ปรากฎว่า ยอดเงินในบัญชีที่ผูกกับเบอร์โทรศัพท์ ถูกดูดไปจำนวน 5 ครั้ง ครั้งละ 2-3 หมื่นบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 150,000 บาท ผู้เสียหายแน่ใจว่า ถูกมิจฉาชีพหลอก จึงได้เข้าแจ้งความทันที ซึ่งต่อมาจากการสืบสวนสอบสวน เบอร์หมายเลขโทรศัพท์และบัญชีธนาคาร จดทะเบียนในชื่อ นายวัฒนา (ผู้ถูกจับ)
ผู้ต้องหาให้การว่า เดิมพักอาศัยอยู่ที่ จว.บุรีรัมย์ โดยเมื่อกลางปี 2566 มีคู่สามีภรรยาแถวบ้านตน มาว่าจ้างให้ตนเปิดบัญชีให้ ตนจึงเปิดให้1บัญชี คือธนาคารออมสิน ได้รับค่าจ้าง 1,000 บาท เมื่อตนเปิดให้ได้ระยะหนึ่งมาทราบภายหลังว่า คนในชุมชนถูกออกหมายเรียกและหมายจับจากการเปิดบัญชีให้คนดังกล่าว ตนจึงกังวลว่าอาจตกเป็นผู้ต้องหาได้ในอนาคต จึงปิดบัญชีทันที ภายหลังที่เปิดได้ไม่นาน และยังให้การว่า คู่สามีภรรยาดังกล่าว ถูกออกหมายจับเป็นที่เรียบร้อย
และเนื่องจากเดือนนี้เป็นเดือนแห่งความรัก เมื่อวานมีการนัดออกเดทกับสาวเมืองกรุง จึงออกเดินทางเข้ากรุงเทพเพื่อมาตามนัด โดยผู้ต้องหาให้การว่าตนมาไกลมากจากจังหวัดสระแก้ว ติดชายแดนปอยเปต หวังมาพบสาวกรุงเทพฯ ที่โรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่ง ยังไม่ทันมีความสุขก็มาโดนเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมเสียก่อน
ผู้ต้องหายังยอมรับสารภาพว่า ตนรับจ้างเปิดบัญชีจริง แต่ไม่ทราบว่าผลตามมาจะหนักขนาดนี้ และยังฝากเตือนประชาชนฯ ที่กำลังตกเป็นผู้ต้องหา หรือกำลังจะรับจ้างเปิดบัญชีว่า "อย่าเห็นแก่เงินไม่กี่บาท แต่ต้องแลกกับการถูกดำเนินคดีอาญา" จากนั้นจึงได้ทำการบันทึกจับกุมและส่งตัวผู้ต้องหาให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองอ่างทอง เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย
ผลการปฏิบัติโดย พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.ฯ, พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ, พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฏศรี, พ.ต.ท.นิธิ ปิยะพันธุ์ รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ สั่งการให้ จ้าหน้าที่ตำรวจ กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส. นำโดย พ.ต.ท.พิทักษ์ ศรีกะแจะ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ พร้อม ชุดปฏิบัติการที่ 3 ดำเนินการ
พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ,พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. ให้ปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ที่กระทำความผิดทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ขอให้ประชาชนได้โปรดใช้สติในการใช้ชีวิตในสังคม อย่าหลงเชื่อกลโกงต่างๆของมิจฉาชีพ ซึ่งแฝงตัวมา ส่วนเจ้าของบัญชีม้า หรือเบอร์ม้า ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ