'กรมสุขภาพจิต' ให้กำลังใจ 'ขุนเดช' ชี้ โรคทางจิตเวช กลับสู่ปกติได้
'กรมสุขภาพจิต' ให้กำลังใจ 'ขุนเดช มหาไชย' ชี้ โรคทางจิตเวช รู้เร็ว รักษาเร็ว รักษาต่อเนื่อง ก็สามารถกลับสู่ปกติได้ ขอสังคมให้โอกาสผู้ป่วยจิตเวช
'กรมสุขภาพจิต' ให้กำลังใจ 'ขุนเดช' หรือ 'ขุนเดช มหาไชย' ชายอายุ 44 ปี ศิลปินเพลง ที่มีคลิปไวรัล 3 ล้านวิว พร้อมชี้โรคทางจิตเวชทุกโรค รู้เร็ว รักษาเร็ว รักษาต่อเนื่อง ส่งผลต่อการกลับสู่ความสามารถปกติ เน้นย้ำสังคมร่วมกันให้โอกาส ไม่ตีตรา ไม่ด้อยค่า เพื่อให้กลับไปใช้ชีวิตได้เช่นเดิม
นายแพทย์พงศ์เกษม ไข่มุกด์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า หลักการรักษาโรคทางจิตเวชทุกโรค คือ รู้เร็ว รักษาเร็ว รักษาต่อเนื่อง ทำให้ผลการรักษาดี ซึ่งส่งผลต่อการกลับสู่ความสามารถปกติของผู้ป่วย ในด้านความคิด การตัดสินใจ อารมณ์ สังคม การเรียน และการใช้ชีวิตประจำวัน โดยครอบครัวต้องร่วมสอดส่องการมีอาการที่เป็นสัญญาณเตือนให้เข้าสู่ระบบการรักษาก่อนจะสายเกินไป
กรมสุขภาพจิตให้ความสำคัญ และเน้นย้ำการป้องกันปัญหาของ ผู้ป่วยโรคจิตเวช โดยที่สำคัญคือ เพิ่มการเข้าถึงบริการรักษาโดยใช้ยา บำบัดทางจิต และฟื้นฟูสมรรถภาพ เพื่อคืนสู่ชีวิตปกติของเขา โดยทั่วไปผู้ป่วยโรคจิตเวชส่วนใหญ่สามารถรักษาแบบผู้ป่วยนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้การดูแลของญาติหรือบุคคลใกล้ชิดที่บ้านและชุมชน โดยใช้ยาปรับสมดุลการทำงานของสารสื่อประสาทในสมอง ทำให้อาการทางจิตดีขึ้นหรือหาย สามารถใช้ชีวิตและทำงานได้
ด้าน นายแพทย์จุมภฎ พรมสีดา รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวเสริมว่า ในกรณีของ ขุนเดช มหาไชย ซึ่งแม้จะป่วยจิตเวชแต่มีความสามารถ แต่งเพลง ร้องเพลง และเล่นกีตาร์ได้อย่างมืออาชีพ อีกทั้งใช้ดนตรีบำบัดอาการให้กับตนเอง จนสภาพจิตดีวันดีคืนและรู้จักทำมาหากินโดยสุจริต ด้วยการรับจ้างอีกด้วย ซึ่ง 3 สิ่งสำคัญที่จะทำให้ผู้ป่วยจิตเวชไม่เกิดอาการกำเริบในระยะยาวนั้น ประกอบด้วย
- กินยาต่อเนื่อง ไม่ควรหยุดเอง แม้อาการจะดีขึ้นแล้ว
- ไม่ใช้สารเสพติดทุกชนิด เช่น เหล้า บุหรี่ ยาบ้า ฯลฯ
- ไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้งเพื่อปรับการรักษาให้สามารถชีชีวิตได้อย่างปกติ
ทั้งนี้ต้องขอชื่นชมเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ผู้นำชุมชน ที่ร่วมด้วยช่วยกันดูแล จนทำให้นายเดช หรือ ขุนเดช มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในทางที่ดีขึ้นและได้รับการต้อนรับอันดีจากสังคม
ขณะที่ นายแพทย์วชิระ เพ็งจันทร์ ที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ผู้ป่วยจิตเวชแม้จะเป็นผู้ที่มีความบกพร่องทางสารสื่อนำในระบบสมอง แต่สมองเขาก็ไม่ได้เสียทั้งหมด ที่สำคัญการเจ็บป่วยดังกล่าวสามารถรักษาได้ ขอเพียงได้รับยาสม่ำเสมอและได้รับการติดตามดูแลจากทุกฝ่ายอย่างใกล้ชิด ซึ่งกลไกทางสังคมที่ทำให้พบเห็นความสามารถของบุคคลเหล่าได้นั้น ต้องชื่นชมทีมพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอที่นำโดย นายวิชาญ อิทธิฤกษ์มงคล นายอำเภอสมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ ที่ให้ความสำคัญในเรื่องของการดูแลเรื่องของสุขภาพจิต และติดตามคุณภาพชีวิตของศิลปินท่านนี้ เพราะสิ่งที่สำคัญคือความเข้าใจ ผู้ป่วยที่อาการดีขึ้นมีชีวิตจิตใจ ต้องการความรักความเข้าใจจากคนรอบข้าง โดยสังคมต้องแค่เข้าใจและให้โอกาสมากขึ้น
'กรมสุขภาพจิต ขอให้ประชาชนทุกคนเข้าใจและให้โอกาสผู้ป่วยจิตเวช ให้สามารถที่จะดำรงชีวิตอยู่ได้ในสังคมอย่างเป็นปกติ เพราะผู้ป่วยจิตเวชเป็นเพียงผู้ที่มีอาการการเจ็บป่วยชนิดหนึ่ง ไม่ได้หมายถึงเป็นผู้ที่ไร้ความสามารถ หากได้รับการดูแลสนับสนุนและได้รับโอกาสดีๆ จากญาติ ผู้นำชุมชนและคนรอบข้าง ก็สามารถที่จะใช้ชีวิตตามปกติได้ และหากเมื่อใดที่มีอาการกำเริบก็ให้รีบนำส่งโรงพยาบาลเพื่อให้แพทย์ปรับการรักษา ก็จะทำให้คนในชุมชนและสังคมมีความสุขและปลอดภัย'