'แกงไตปลา' ติดอันดับ 1 เมนูยอดแย่ของโลก ชาวเน็ตถกสนั่น แห่ติด #saveแกงไตปลา
'แกงไตปลา' อาหารรสเด็ดภาคใต้ ติดอันดับ 1 จาก 100 เมนูยอดแย่ของโลก ชาวเน็ตถกสนั่น ลั่นไม่รู้จักของอร่อย แห่ติดแฮชแท็ก #saveแกงไตปลา
จากกรณี เว็บไซต์ TasteAtlas ที่ให้ข้อมูลอาหารจากทั่วโลก ออกมาเผยการจัดอันดับ 100 เมนูยอดแย่ของโลก ซึ่งปรากฏว่าเมนู 'แกงไตปลา' ของประเทศไทย ได้อันดับ 1 เมนูยอดแย่ของโลก ส่วนอันดับ 2 ได้แก่ Hákarl (ฮาคาร์ล) จากไอซ์แลนด์ และอันดับ 3 Fesikh (เฟสซิก) จากอียิปต์ ซึ่งหลังการประกาศผลดังกล่าวออกมาก็กลายเป็นประเด็นดราม่าขึ้นมาทันที ชาวไทยหลายคนที่ชื่นชอบแกงไตปลาต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ รวมถึงช่วยกันติดแฮชแท็ก #saveแกงไตปลา จนกลายเป็นวาระแห่งชาติ
แม้แต่นักร้องนักแต่งเพลงเพื่อชีวิตชื่อดัง 'หงา คาราวาน' หรือ สุรชัย จันทิมาธร ยังออกมาเคลื่อนไหวถึงประเด็นนี้ว่า 'แกงไตปลา มีลักษณะพิเศษ เป็นรสชาติปรุงแต่งที่มีเสน่ห์ล้ำลึก และวิธีการกินที่สอดคล้อง ผมคิดว่ากรรมการคงไม่มีความเข้าใจเรื่องนี้ ใครวะส่งประกวด'
โดยเว็บไซต์ดังกล่าวได้บรรยายรสชาติของแกงไตปลาไว้ว่า เป็นแกงปลาเนื้อหนา กลิ่นหอม ต้นกำเนิดมาจากภาคใต้ของประเทศไทย ประกอบด้วย เครื่องในปลาหมักและเครื่องแกงรสเผ็ด อาทิ พริก ข่า กะปิ ขมิ้น หอมแดง ตะไคร้ ส่วนเครื่องเคียงประกอบด้วย ปลาแห้ง มะเขือยาว หน่อไม้ ถั่วฝักยาว หรือผักอื่นๆ เนื่องจากความเข้มข้นและกลิ่นหอมฉุนแกงไตปลาจึงรับประทานคู่กับข้าวสวยเป็นเครื่องเคียงได้ดีที่สุด แต่เดิมแกงไทยนี้ปรุงด้วยปลาเท่านั้น และแกงส่วนใหญ่ไม่ใช้กะทิ
ทั้งนี้ทางเว็บไซต์ยังได้ระบุไว้ในตอนท้ายด้วยว่า การจัดอันดับอาหารนี้ใช้ข้อมูลการให้คะแนนจากผู้เข้าชมเว็บไซต์ของ TasteAtlas โดยมีระบบคัดกรองและจำกัดการใช้บอตลงคะแนน รวมถึงกลุ่มที่ลงคะแนนด้วยแนวคิดชาตินิยม เพื่อให้ได้การจัดอันดับที่แท้จริงและมีประโยชน์ การลงคะแนน 100 อาหารยอดแย่ของโลก ครั้งนี้เป็นการเก็บข้อมูลจนถึงวันที่ 16 มีนาคม 2567 มีการลงคะแนนทั้งหมด 433,877 ครั้ง ซึ่งมีการลงคะแนนที่เข้าเกณฑ์ของเว็บไซต์ 301,750 ครั้ง
สำหรับ 10 อันดับแรก ที่เว็บไซต์ TasteAtlas ทำการจัดอันดับ 100 เมนูยอดแย่ของโลก มีดังนี้
อันดับ 1 แกงไตปลา จากประเทศไทย
อันดับ 2 Hákarl (ฮาคาร์ล) จากไอซ์แลนด์
อันดับ 3 Fesikh (เฟสซิก) จากอียิปต์
อันดับ 4 Yerushalmi Kugel (เยรูชาลมี คูเกล) จากอิสราเอล
อันดับ 5 Luther Burger (ลูเธอร์ เบอร์เกอร์) จากสหรัฐอเมริกา
อันดับ 6 Pani ca meusa (ปานี กา มูซา) จากอิตาลี
อันดับ 7 Jellied Eels (เจลลี่ อีล-ปลาไหลเยลลี่) จากอังกฤษ
อันดับ 8 Calskrove (คาลสโกรฟ) จากสวีเดน
อันดับ 9 Peladillas (เพลลา ดิลลาส) จากสเปน
อันดับ 10 Smalahove (สมาลาโฮฟ) จากนอร์เวย์
แกงไตปลา เป็นอาหารประจำถิ่นของภาคใต้ แต่ปัจจุบันหาทานได้ในทุกภาค คำว่า ไตปลา ก็คือ พุงปลา ที่นำไปหมักกับเกลือ แน่นอนว่าไตปลาต้องมีความเค็ม รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของเมนูแกงไตปลาก็คือความเผ็ดร้อนของเครื่องแกง บวกกับความเค็มของไตปลา เวลาที่นำมาปรุงก็จะปรุงได้สองแบบคือ แบบใส่กะทิ กับ ไม่ใส่กะทิ
สำหรับส่วนประกอบอื่นๆ โดยทั่วไปก็จะมี ถั่วฝักยาว ฟักทอง มะเขือ แต่ถ้าเป็นอาหารประจำถิ่นจะมีการใส่ผักพื้นบ้าน เช่น ใบส้มแป้นลงไป หรือถ้ามีกล้วยเล็บมือนางก็เอากล้วยเล็บมือนางที่ยังดิบอยู่หรือว่าห่ามๆ มาหั่นใส่ลงไป หากเราจะนำไปทำในภาคอื่นก็สามารถที่จะดัดแปลงใช้ผักท้องถิ่นของแต่ละพื้นที่ได้เพื่อความหลากหลาย นอกจากนี้ยังมีส่วนประกอบอีกชนิดหนึ่งก็คือ ปลาทู หรือเนื้อปลาชนิดอื่น ที่นำมาใส่ลงไปเพื่อเพิ่มความแซ่บนัว
วิธีทำ แกงไตปลา เมนูอาหารใต้รสเข้มข้น
วัตถุดิบแกงไตปลา
- ไตปลาสำเร็จรูป ½ ถ้วย
- ปลาทูย่าง แกะเอาแต่เนื้อ 1 ถ้วย
- ถั่วฝักยาว ½ ถ้วย
- หน่อไม้ลวกต้มหั่นเป็นชิ้นๆ 1 ถ้วย
- ฟักทองไม่ต้องปลอกเปลือก ½ ถ้วย
- น้ำสะอาด 1 ถ้วยชาม
- ส้มแขกแห้ง 5 ชิ้น
- ยอดส้มแป้น 1 ถ้วย
- กล้วยเล็บมือนางดิบ ½ ถ้วย
- มะเขือพวง ½ ถ้วย
- มะเขือเปราะ ½ ถ้วย
ส่วนผสมเครื่องแกง
- พริกขี้หนูสวนสด 40 เม็ด
- พริกไทยดำ 1 ½ ช้อนโต๊ะ
- กระเทียมหั่น 1½ ช้อนโต๊ะ
- ตะไคร้ซอย 3 ช้อนโต๊ะ
- ข่าแก่หั่นเป็นท่อนๆ 1 ช้อนโต๊ะ
- ผิวมะกรูดหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ 1 ช้อนชา
- ขมิ้นชันสด 1 ช้อนชา
- กะปิ 1 ช้อนชา
- กระชายซอย 3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำเครื่องแกง
นำพริกขี้หนูคละสี พริกไทย กระเทียม ข่า ตะไคร้ ขมิ้น ผิวมะกรูด กระชาย และก็กะปิ นำมาโขลกรวมกันให้ละเอียดเข้ากันดี ตักใส่จานพักไว้แล้วไปเตรียมส่วนประกอบอื่นๆ
ขั้นตอนการทำแกงไตปลา
- เริ่มจากนำเครื่องแกงมาละลายกับน้ำ คนให้เข้ากัน เร่งไฟจนน้ำแกงเดือด
- แล้วใส่ผักที่มีความแข็งมาก เช่น ฟักทอง หน่อไม้ ตั้งไฟต่อจนผักเหล่านี้เริ่มสุกอ่อนตัว จึงใส่ไตปลา ค่อยให้น้ำแกงเดือดอีกครั้ง จึงใส่ส้มแขก และมะเขือต่างๆ ทั้งมะเขื่อพวง มะเขื่อเปราะ พอให้ผักต่างๆ อ่อนตัวลงอีกนิด จึงใส่ปลาทูย่าง ถั่วฝักยาว ยอดส้มแป้น
- ตั้งไฟต่อจนผักต่างๆ ในหม้อสุกพอดีกันหมด ก็ยกลงจากเตา เสิร์ฟรับประทานกับข้าวสวยร้อนๆ หรือขนมจีน และขาดไม่ได้คือ ผักเคียง
อ้างอิง tasteatlas / ตำรับอาหารไทย