สุวรรณภูมิ พร้อมรองรับการเดินทางช่วงสงกรานต์ คาดบินเพิ่มกว่าวันละ 1.9 แสนคน

สุวรรณภูมิ พร้อมรองรับการเดินทางช่วงสงกรานต์ คาดบินเพิ่มกว่าวันละ 1.9 แสนคน

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เปิดเช็กอินก่อนบิน 4 ชั่วโมง เพิ่มจุดเช็กอินอัตโนมัติ และโหลดสัมภาระด้วยตัวเอง รองรับการเดินทางช่วงสงกรานต์ คาดบินเพิ่มกว่าวันละ 1.9 แสนคน

วันนี้ (7 เม.ย. 67) นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) เปิดเผยว่า ช่วงเทศกาลสงกรานต์ระหว่างวันที่ 11-17 เมษายน 2567 (รวม 7 วัน) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) คาดการณ์จำนวนผู้โดยสารในภาพรวมที่เดินทางผ่าน ทสภ. ในช่วงดังกล่าว ประมาณ 1,340,000 คน หรือเฉลี่ยวันละประมาณ 191,000 คน สำหรับประมาณการเที่ยวบินในช่วงดังกล่าวคาดว่าจะมีเที่ยวบินประมาณ 7,022 เที่ยวบิน เฉลี่ยวันละ 1,000 เที่ยวบิน โดยมีสายการบินขอเพิ่มเที่ยวบินพิเศษและเช่าเหมาลำ (Extra & Charter Flight) จำนวน 10 สายการบิน รวมทั้งสิ้น 170 เที่ยวบิน ซึ่งสายการบินที่ขอเพิ่มเที่ยวบินพิเศษมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ สายการบินไทยเวียตเจ็ทแอร์ สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส และสายการบินไทย

ผอ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กล่าวเพิ่มเติมว่า เทศกาลสงกรานต์ในปีนี้รัฐบาลได้มีนโยบายให้จัดงาน Maha Songkran World Water Festival เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ 2567 ระหว่างวันที่ 11-15 เมษายน 2567 และเพื่อเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยว นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว. คมนาคม ได้มีข้อสั่งการมาตรการระยะสั้นให้สายการบินเพิ่มเที่ยวบินในช่วงเวลาดังกล่าว เพื่อให้รองรับการเดินทางของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่เดินทางมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก ในส่วนของ ทสภ. จึงได้เตรียมความพร้อมรองรับการให้บริการ ขานรับนโยบายกระทรวงคมนาคม “เดินทางทั่วไทย คมนาคมสะดวก ปลอดภัย ใส่ใจให้บริการประชาชน”

นายกิตติพงศ์ กล่าวต่อว่า ทสภ. ได้มีการจัดตั้งศูนย์ Operations Command Center เพื่อบริหารจัดการเรื่องความแออัดของผู้โดยสารที่มาใช้บริการ ณ ทสภ. ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานเวรตรวจติดตามบริเวณที่มีผู้โดยสารหนาแน่น ผ่านกล้อง CCTV ตลอด 24 ชั่วโมง หมายเลขโทรศัพท์ 02-132-1111 พร้อมได้มีการประสานสายการบินให้จัดเจ้าหน้าที่และเปิดเคาน์เตอร์เช็กอินเพิ่มมากขึ้น ให้เพียงพอต่อการให้บริการ ประสานกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 เพิ่มอัตรากำลังบริเวณจุดตรวจหนังสือเดินทางทั้งขาเข้าและขาออก และประสานผู้ให้บริการภาคพื้นเตรียมความพร้อมด้านบุคลากร และอุปกรณ์ในการให้บริการให้เพียงพอ

ผอ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กล่าวอีกว่า รวมถึงได้เริ่มนำระบบ Airport Collaborative Decision Making (A-CDM) เป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลแบบ Real time ร่วมกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการท่าอากาศยาน เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานท่าอากาศยาน สายการบิน ผู้ให้บริการภาคพื้น และผู้ให้บริการการจราจรทางอากาศ สามารถนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ในการวางแผนการใช้ทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพตั้งแต่อากาศยานทำการบินออกจากต้นทางจนถึงอากาศยานทำการบินลง และทำการบินออกจากท่าอากาศยาน 
 

"นอกจากนี้ ทสภ. ได้สนับสนุนให้ผู้โดยสารมาใช้ ระบบเช็กอินด้วยตนเองอัตโนมัติ (Common Use Self Service: CUSS) และ ระบบรับกระเป๋าสัมภาระอัตโนมัติ (Common Use Bag Drop: CUBD Kiosk) ซึ่งเป็นอีกทางเลือกให้ผู้โดยสารเช็กอิน และโหลดกระเป๋าด้วยตนเอง โดยไม่ต้องรอรับบริการที่เคาน์เตอร์สายการบิน รวมถึงตรวจบัตรโดยสารและโหลดสัมภาระล่วงหน้า 4 ชั่วโมง ลดความคับคั่งของผู้โดยสารขาออกที่มาก่อนเวลาปกติ 3 ชั่วโมง (ปัจจุบันดำเนินการแล้ว 27 สายการบิน)

มีการนำแอปพลิเคชัน “SAWASDEE by AOT” มาใช้ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารในการตรวจสอบบริการต่างๆ ของท่าอากาศยาน ช่วยวางแผนการเดินทางได้ง่ายขึ้น เพิ่มความสะดวก รวดเร็ว สำหรับการเดินทางเข้า-ออก ผู้โดยสาร เลือกใช้บริการขนส่งสาธารณะที่เชื่อมต่อกับสนามบินได้หลายรูปแบบ อาทิ รถแท็กซี่สาธารณะ รถรับจ้างสาธารณะ รถไฟฟ้า Airport Rail Link รถโดยสารสาธารณะต่างๆ และรถลีมูซีนของสนามบิน ทั้งนี้ ในช่วงเวลาที่มีผู้โดยสารใช้บริการหนาแน่น ทสภ. จะมีการประสานผู้ให้บริการรถรับจ้างสาธารณะต่างๆ เตรียมรถให้พร้อมเข้ามาให้บริการแก่ผู้โดยสารในช่วงดังกล่าวให้เพียงพอ โดยสภาพรถต้องพร้อม คนขับมีสภาพพร้อม เมาไม่ขับ" นายกิตติพงศ์ กล่าว

ผอ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กล่าวด้วยว่า ทสภ. ขอความร่วมมือผู้โดยสารเดินทางมาถึงท่าอากาศยานให้เร็วกว่าปกติ โดยหากเดินทางระหว่างประเทศให้เผื่อเวลาล่วงหน้า 3 ชั่วโมง ก่อนเวลาเครื่องบินออก และ 2 ชั่วโมงสำหรับเที่ยวบินภายในประเทศ ทั้งนี้ หากผู้โดยสารต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้บริการในด้านต่างๆ ภายใน ทสภ. สามารถติดต่อ ได้ที่ AOT Contact Center โทรศัพท์ 1722 ตลอด 24 ชั่วโมง.