อัปเดต จับ 34 แก๊งคอลเซ็นเตอร์ โทรหลอกข้ามโลกขู่เอี่ยวฟอกเงิน สูญ 200 ล้าน
ล่าสุดอัปเดต ตำรวจจับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวบ 34 ราย โทรหลอกข้ามซีกโลกขู่เอี่ยวฟอกเงิน เหยื่อโอน 115 ครั้ง สูญเงินเกือบ 200 ล้าน
ตำรวจไซเบอร์ เดินหน้าจับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวบ 34 ราย โทรหลอกข้ามซีกโลกขู่เอี่ยวฟอกเงิน เหยื่อโอน 115 ครั้ง สูญเงินเกือบ 200 ล้าน พร้อมจับสาวซิมม้า เปิดเป็นหมื่นเลขหมาย
ปฏิบัติการ SAVING GOOD MAN ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โทรหลอกข้ามซีกโลกขู่เอี่ยวฟอกเงิน เหยื่อโอน 115 ครั้ง สูญเงินเกือบ 200 ล้าน
การปราบปรามความผิดที่เร่งรัดปราบปรามความผิดที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่หลอกลวงเหยื่อในรูปแบบต่างๆ ทำให้ประชาชนสูญเสียทรัพย์สินไปเป็นจำนวนมาก โดยเน้นปราบปรามกลุ่มอาชญากรเหล่านี้ให้ได้ทั้งขบวนการ
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 11 เม.ย.67 เวลา 13.30 น. ณ อาคารสัมมนาและฝึกอบรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (เมืองทองธานี) พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.นิเวศน์ อาภาวศิน รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.นิพล บุญเกิด ผบก.สอท.2 และ พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าว ปฏิบัติการ SAVING GOOD MAN ตร.ไซเบอร์ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โทรหลอกข้ามซีกโลกขู่เอี่ยวฟอกเงิน เหยื่อโอน 115 ครั้ง สูญเงินเกือบ 200 ล้าน
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 25 ก.ย.66 ขณะที่ผู้เสียหายพักอาศัยอยู่ที่ เมืองลอสอัลทอส รัฐแคลิฟอเนีย สหรัฐอเมริกา ได้มีคนร้ายพูดภาษาอังกฤษโทรศัพท์มาหา อ้างว่าติดต่อจาก บริษัท ทีโมเบิล เซอร์วิส (บริษัทผู้ให้บริการสัญญาณโทรศัพท์ในสหรัฐอเมริกา) แจ้งว่าผู้เสียหายได้ใช้หมายเลขโทรศัพท์ก่อกวนบุคคลอื่น ผู้เสียหายหลงเชื่อ คนร้ายจึงโอนสายต่อไปยังเจ้าหน้าที่อีกฝ่ายหนึ่งเพื่อให้ผู้เสียหายยืนยันว่าไม่ได้เป็นเจ้าของหมายเลขดังกล่าวและจะทำการตรวจสอบข้อมูลเพื่อยกเลิกหมายเลขดังกล่าวให้
ต่อมา มีการโอนสายไปยังคนร้ายที่พูดภาษาไทย แจ้งให้ผู้เสียหายติดต่อผ่านบัญชีไลน์ชื่อ “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” และบัญชีเทเลแกรม จากนั้นคนร้ายอ้างว่าผู้เสียหายมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงิน จำเป็นต้องถูกยึดทรัพย์ แต่มีวิธีช่วยเหลือคือ ผู้เสียหายต้องพิสูจน์เส้นทางการเงิน โดยคนร้ายให้ผู้เสียหายแจ้งรายละเอียดข้อมูลบัญชีเงินฝาก และโอนเงินในยังบัญชีธนาคารที่คนร้ายแจ้งเพื่อตรวจสอบ
โดยผู้เสียหายได้โอนเงินไปยังบัญชีคนร้ายช่วงที่อาศัยอยู่สหรัฐอเมริกา จำนวน 60 ครั้ง รวมเป็นเงิน 92,647,416.26 บาท
ต่อมาได้เดินทางกลับมายังประเทศไทย และโอนขณะพักอาศัยที่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี อีก 55 ครั้ง รวมเป็นเงิน 106,211,998.06 บาท
รวมยอดความเสียหายทั้งสิ้นประมาณ 200 ล้านบาท กระทั่งสุดท้ายรู้ตัวว่าถูกหลอก จึงได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีที่ บก.สอท.2
ต่อมา พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.นิพล บุญเกิด ผบก.สอท.2 โดยมอบหมาย พ.ต.อ.จักรกฤช ศรีโรจนากูร ผกก.2 บก.สอท.2 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ในสังกัดทำการตรวจสอบ บัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้องรวมทั้งเส้นทางการเงิน พบว่ามีเส้นทางการเงิน พบว่ามีบัญชีในประเทศไทย 46 บัญชี และบัญชีในต่างประเทศอีก 5 บัญชี
จึงได้รวมมือกับ บก.ตอท. ในการประชุมวางแผนจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้อง จนสามารถรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดี พร้อมขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ต้องหาได้จำนวน 75 ราย
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ได้กระจายกำลังจับกุมผู้ต้องหาตามพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศได้แล้วจำนวน 34 ราย และติดตามผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีมาดำเนินคดีตามกฎหมาย