4 เดือน สังเวย โรคไข้หูดับ แล้ว 14 ราย ป่วยพุ่งอีก 235 เช็กวิธีป้องกัน-อาการเตือน
กรมควบคุมโรค เผยแค่ 4 เดือน พบเสียชีวิตจาก 'โรคไข้หูดับ' แล้ว 14 ราย ผู้ป่วยพุ่งอีกกว่า 235 ราย แนะกินอาหารที่ปรุงสุก เช็กเลยอาการเข้าข่าย
วันนี้ (1 พฤษภาคม 2567) แพทย์หญิงจุไร วงศ์สวัสดิ์ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ ผู้ช่วยอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์ของ 'โรคไข้หูดับ' ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 29 เมษายน 2567 จากรายงานโรคในระบบเฝ้าระวัง 506 โดยกองระบาดวิทยา พบผู้ป่วย 235 ราย (อายุ 15 - 95 ปี) เป็นเพศชายมากกว่าเพศหญิง ผู้ป่วยส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มผู้สูงอายุและวัยทำงาน ได้แก่ อายุมากกว่า 65 ปี รองลงมาคืออายุ 55-59 ปี และ 40-49 ปี ตามลำดับ
ภาคที่มีผู้ป่วยโรคไข้หูดับมากที่สุด คือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ ปัจจัยเสี่ยงที่พบคือ กินเนื้อหมูหรือเลือดสุกๆ ดิบๆ ไม่แยกเขียงทำอาหาร สัมผัสหมูดิบโดยตรง พบผู้ป่วยเสียชีวิต 14 ราย (ร้อยละ 5.9) และประมาณร้อยละ 60 มีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง เบาหวาน โรคหัวใจ เป็นต้น
โรคไข้หูดับเกิดจาก
โรคไข้หูดับเกิดจากเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอกคัส ซูอิส (Streptococcus suis) โดยเชื้อนี้จะอยู่ในทางเดินหายใจของหมู และเลือดของหมูที่กำลังป่วย สามารถติดต่อได้ 2 ทาง คือ
- เกิดจากการบริโภคเนื้อและเลือดหมูที่ปรุงแบบดิบ หรือสุกๆดิบๆ
- การสัมผัสกับหมูที่ติดเชื้อทั้งเนื้อหมู เครื่องใน และเลือดหมูที่เป็นโรค โดยเชื้อจะเข้าทางบาดแผล รอยขีดข่วนตามร่างกาย หรือทางเยื่อบุตา หรือการสัมผัสเลือดของหมูที่กำลังป่วย ซึ่งหลังจากได้รับเชื้อ 1-14 วัน ผู้ป่วยจะมีไข้สูง ปวดศีรษะอย่างรุนแรง เวียนศีรษะจนทรงตัวไม่ได้ อาเจียน คอแข็ง สูญเสียการได้ยิน ในรายที่เป็นรุนแรงอาจเสียชีวิตได้
วิธีป้องกันโรคไข้หูดับ
1. บริโภคอาหารที่ปรุงสุกด้วยความร้อนอย่างน้อย 60-70 องศาเซลเซียส ในเวลา 10 นาทีเป็นอย่างต่ำ หากรับประทานอาหารปิ้งย่าง แยกอุปกรณ์ที่ใช้หยิบเนื้อหมูสุกและดิบออกจากกัน ไม่ใช้เขียงของดิบและของสุก ผัก หรือผลไม้ร่วมกัน
2. เลือกซื้อเนื้อหมูจากตลาดสดหรือห้างสรรพสินค้าที่ได้มาตรฐานและเชื่อถือได้ ไม่ซื้อเนื้อหมูที่มีกลิ่นคาว สีคล้ำ
3. ไม่สัมผัสเนื้อหมูและเลือดดิบด้วยมือเปล่า โดยเฉพาะผู้เลี้ยงหมู ผู้ที่ทำงานในโรงฆ่าสัตว์ ผู้ที่ชำแหละเนื้อหมู สัตวบาล สัตวแพทย์ ขณะทำงานควรสวมรองเท้าบูทยางและสวมถุงมือ หากมีบาดแผลต้องปิดแผลให้มิดชิด และล้างมือหลังสัมผัสกับหมูทุกครั้ง
4. หากพบว่ามีอาการป่วย สงสัยโรคไข้หูดับ โดยมีไข้สูง ปวดศีรษะ ร่วมกับประวัติเสี่ยง ขอให้รีบไปพบแพทย์ทันที แจ้งประวัติการกินหมูดิบและสัมผัสเนื้อหมูดิบให้ทราบ
ทั้งนี้ หากมาพบแพทย์และวินิจฉัยได้เร็ว ได้รับยาปฏิชีวนะเร็ว จะช่วยลดอัตราการเกิดหูหนวก และการเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงที่หากติดเชื้อจะมีอาการป่วยรุนแรง เนื่องจากร่างกายมีภูมิต้านทานโรคต่ำ ได้แก่ ผู้ติดสุราเรื้อรัง ผู้มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไต โรคมะเร็ง โรคหัวใจ หรือผู้ที่เคยตัดม้ามออก เป็นต้น
สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422