ลุยขบวนการแอบอ้างแพลตฟอร์มออนไลน์ หลอกซ้ำถ่ายคลิปโป๊ แลกค่าโง่เงินล้าน
ตำรวจนครบาล ลุยขบวนการแอบอ้างแพลตฟอร์มออนไลน์ หลอกซ้ำถ่ายคลิปโป๊ แลกค่าโง่เงินล้านที่ถูกหลอกไปก่อนหน้านี้แล้ว จับสาวบัญชีม้า
สืบนครบาลจับหนึ่งในบัญชีม้าขบวนการแอบอ้างแพลตฟอร์มออนไลน์ หลอกทำภารกิจถ่ายคลิปโป๊ ถ้าอยากถอนเงิน 2.8 ล้าน
ผู้การจ๋อ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ได้รับการร้องเรียนและขอความช่วยเหลือจากหญิงผู้เสียหาย ตลอดจนทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ให้ช่วยสืบสวนติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการซึ่งถูกออกหมายจับเป็นที่เรียบร้อย
หลังจากที่เมื่อช่องต้นเดือนมีนาคม 2567 หญิงผู้เสียหายถูกขบวนการเหล่านี้แอบอ้างแพลตฟอร์มขายของออนไลน์และองค์กรการกุศล หลอกให้โอนเงินทำภารกิจหวังจะได้กำไรสูง แต่เมื่อโอนเงินไปกลับถอนไม่ได้
จากนั้นมิจฉาชีพออกอุบายให้ถ่ายคลิปเปลือยกาย แลกกับการถอนเงินที่ถูกหลอกให้โอนไปกว่า 2,800,000 ล้านบาท เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย จึงเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก.1 บก.สอท.2 จนเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2567 ศาลจังหวัดนนทบุรี ได้พิจารณาอนุมัติหมายจับผู้ร่วมขบวนการก่อเหตุ จำนวน 5 ราย
จึงสั่งการให้ พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น. เร่งรัดให้ พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. กำชับให้ พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฎศรี ,พ.ต.ท.นิธิ ปิยะพันธุ์ รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. เร่งรัดเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 5 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. ซึ่งได้รับมอบหมายรีบทำการสืบสวนเพื่อติดตามจับกุมตัวผู้ร่วมขบวนการที่ถูกออกหมายจับแล้วดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว
ต่อมาวันที่ 29 พฤษภาคม 2567 เวลา 08.30 น. เจ้าหน้าที่ กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ สืบนครบาล ได้ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัว นางสาวอาริสา หรือ “ก๊อน ตะเคียน” อายุ 29 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ จ.457/2567 ลงวันที่ 23 พฤษภาคม 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน
“ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”
โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่บริเวณปากซอยห้องเช่าไม่ทราบชื่อ ริมถนนพิทักษ์ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์
ในชั้นจับกุม นางสาวอาริสา หรือ “ก๊อน ตะเคียน” ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การตนเรียนจบขั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เดิมทีทำงานเป็นพนักงานปั๊มน้ำมัน ปัจจุบันไม่ได้ทำงาน เลี้ยงลูกอยู่บ้านโดยมีสามีเป็นคนทำงานเพียงคนเดียว
เกี่ยวกับหมายจับที่ตนถูกจับกุม น่าจะเกิดจากเมื่อช่วงประมาณต้นเดือนมีนาคม 2567 ได้มีรุ่นพี่ที่รู้จักกันชื่อ นายสอง ไม่ทราบชื่อ-สกุลจริง เดินทางมาหาตนที่ห้องพักเพื่อมาเยี่ยมตนซึ่งเพิ่งคลอดบุตร และนายสองได้มีการสอบถามตนว่ามีบัญชีธนาคารที่ไม่ได้ใช้ หรือไม่ พอดีช่วงนั้นตนมีบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ เลขที่บัญชี จำไม่ได้ ชื่อบัญชี นางสาวอาริสา ที่ตนเปิดไว้เพื่อจะออมเงินเก็บไว้ให้บุตรแต่ไม่คอยมีเงินออม จึงได้ให้สมุดบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ ชื่อบัญชี นางสาวอาริสา ดังกล่าวแก่นายสองไปใช้พร้อมกับบัตรเอทีเอ็ม
ตลอดจนนายสองได้ทำการดาวน์โหลดสมัครใช้งานโมบายแบงค์กิ้ง และให้ตนสแกนใบหน้ายืนยันตัวตนเพื่อผูกใช้งาน เมื่อดำเนินการต่างๆ เสร็จเรียบร้อย นายสอง ได้เลี้ยงอาหารตนเพื่อเป็นการตอบแทนในวันนั้น และหลังจากวันนั้นอีกหลายวันต่อมานายสองได้โอนเงินค่านำบัญชีธนาคารไปใช้และค่าดำเนินการต่างๆ ให้ตน จำนวน 500 บาท หลังจากนั้นนายสองก็ไม่ได้ติดต่อกับตนอีกเลย จนมาถูกจับกุมในครั้งนี้
จากการตรวจสอบประวัติการกระทำความผิดของนางสาวอาริสา ในฐานข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติพบว่ามีประวัติการถูกดำเนินคดี จำนวน 2 คดี ประกอบด้วย
1) ปี 2562 ถูกจับกุมในความผิดฐาน “ มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า , ยาไอซ์) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย , เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย ”
2) ปี 2567 ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ จ.457/2567 ลงวันที่ 23 พฤษภาคม 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ”
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัว นางสาวอาริสา นำส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.สอท.2 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวแจ้งเตือนภัยไปยังพี่น้องประชาชนว่าในสังคมปัจจุบัน มิจฉาชีพมีเล่เหลี่ยมกลโกงมากมายหลายรูปแบบ ขอให้ประชาชนได้โปรดใช้สติในการใช้ชีวิตในสังคม อย่างหลงเชื่อกลโกงต่างๆ ของมิจฉาชีพซึ่งมีอยู่มากมาย
อีกทั้งแจ้งเตือนให้ระมัดระวังการถูกหลอกให้เปิดบัญชีม้า อย่าให้บัญชีธนาคารหรือเปิดบัญชีให้บุคคลอื่นนำไปใช้เด็ดขาดเนื่องจากอาจเป็นช่องทางให้คนร้ายนำบัญชีไปใช้ในการก่ออาชญากรรมที่มีผลกระทบต่อประชาชนส่วนใหญ่ในสังคมอย่างมหาศาล
ตลอดจนโทษกรณีการเปิดบัญชีม้า ปัจจุบันมีอัตราโทษหนัก คือ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (บัญชีม้า)
นอกจากนี้ ผู้เป็นธุระจัดหา จ้างผู้อื่นมาเปิดบัญชีม้าก็มีโทษหนักเช่นเดียวกัน คือ จำคุกตั้งแต่ 2 ปี ถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 200,000 บาท ถึง 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (คนจัดหาบัญชีม้า)
หากไม่แน่ใจ หรือสงสัยว่าบุคคลที่เข้ามาเสนอผลประโยชน์ นั้นจะเป็นมิจฉาชีพหรือไม่ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ หรือแจ้งเบาะแสการกระทำความผิด มายังเพจ “สืบนครบาล IDMB” ได้ตลอด 24 ชม. แม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มาก แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที ตามนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ