บุกปทุมธานี จับ CEO สาว 'กรรมการบริษัท' ในวันเกิด คดีใบแจ้งหนี้เก๊

บุกปทุมธานี จับ CEO สาว 'กรรมการบริษัท' ในวันเกิด คดีใบแจ้งหนี้เก๊

ตำรวจบุกปทุมธานี จับ CEO สาว 'กรรมการบริษัท' ติดตั้งอินเทอร์เน็ตเครือข่ายชื่อดัง ในวันเกิด คดีใบแจ้งหนี้เก๊เอาไปฟ้องแพ่งเรียกเงิน 9 ล้าน

กรณี ตำรวจบุกปทุมธานี จับ CEO สาว 'กรรมการบริษัท' รับติดตั้งอินเทอร์เน็ตเครือข่ายชื่อดัง คดีใบแจ้งหนี้เก๊เอาไปฟ้องแพ่งเรียกเงิน 9 ล้าน

จับตัว เจ๊กาย CEO Outsource ติดตั้งอินเตอร์เน็ตเครือข่ายชื่อดัง อ้างใบแจ้งหนี้เก๊ ฟ้องแพ่ง เครือข่ายอินเตอร์เน็ตชื่อดัง เรียกค่าเสียหายเกือบ 9 ล้าน เจ้าของแบรนด์ ฉุนหนัก ตรวจสอบพบเป็นเอกสารปลอม โล่เข้าแจ้งความเอาเรื่องถึงที่สุด

เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2567 ภายใต้การอำนวยการ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.

  • พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.
  • พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.
  • พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.ฯ
  • พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก.สส.ฯ
  • พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.ฯ
  • พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น.
  • พ.ต.ท.พีรบูรณ์ แก้วดู
  • พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์ รอง ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น.
  • พ.ต.ต.กฤตวัฒน์ ขุนอินทร์ สว.กก.สส.1ฯ
  • ร.ต.อ.ปรัชญา โคตรสาขา รอง สว.กก.สส.1ฯ
  • ด.ต.มานพ มากบุญ
  • จ.ส.ต.ณัฐพร บรรลือโชคชัย
  • ส.ต.อ.ณัฐวุฒิ ขันอาสา
  • ส.ต.อ.ภานุพงษ์ ภูพิมทอง
  • ส.ต.ท.ธนวัฒน์ ชื่นคุ้ม  ผบ.หมู่ กก.สส.1 บก.สส.บช.น. 

ร่วมกันจับกุมนางสาวนิโรบล หรือ “เจ้กาย” อายุ 30 ปี มีภูมิลำเนา เขตคลองเตย กรุงเทพ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา ที่ 3123/2567 ลงวันที่ 3 กรกฎาคม 2567

ในข้อหา

  1. ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอมในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน

นางสาวนิโรบล หรือ “เจ้กาย” ถูกจับกุมได้บริเวณหน้าบ้านพัก หมู่ 4 ตำบลคลองสอง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี 

กลโกง จับ CEO สาว กรรมการบริษัท

จากการตรวจสอบประวัติต้องคดีอาญาของผู้ถูกจับ พบว่า เคยต้องคดีอาญาในความผิดเกี่ยวกับ พรบ.เช็ค เมื่อเดือน มิ.ย. 2564 ในพื้นที่ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี มาก่อน 

สืบเนื่องด้วย เมื่อปลายปี 2566 บริษัทผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตชื่อดัง ถูกฟ้องในคดีแพ่งโดยบริษัทของผู้ถูกจับ โดยถูกกล่าวหาว่า “ผิดสัญญากู้ยืม ค้ำประกัน และโอนสิทธิเรียกร้อง” โดยระบุว่า ช่วงระหว่างเดือนธันวาคม 2563 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2564 บริษัทฯผู้เสียหายได้ทำการสั่งซื้อสินค้า/บริการ กับบริษัทของผู้ถูกจับ ปรากฏตามใบสั่งซื้อ จำนวน 5 ฉบับ มูลค่าเกือบ 9 ล้านบาท

ต่อมาบริษัทฯผู้เสียหายจึงได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พบว่าไม่เคยทำการสั่งซื้อสินค้า/บริการ จาก บริษัท ผู้ถูกจับ ตามใบสั่งซื้อตามมูลค่าดังกล่าว แต่อย่างใด แต่เคยทำสัญญาว่าจ้างให้ บริษัทผู้ถูกจับจัดจ้างแก้ไขงานติดตั้งซ่อมแซมระบบสายสัญญาณเพียง 129,020.60 บาท เท่านั้น

ซึ่งได้มีการดำเนินการและชำระค่าสินค้า/บริการดังกล่าวครบถ้วนเรียบร้อยแล้ว และเมื่อบริษัทฯผู้เสียหายได้ทำการตรวจสอบพบว่าเอกสารใบสั่งซื้อทั้ง 5 ฉบับดังกล่าวถูกปลอมและจัดทำขึ้นทั้งฉบับ บริษัทฯผู้เสียหายจึงเชื่อว่าบริษัทของผู้ถูกจับมีเจตนาร่วมกันทุจริตนำมาใช้เพื่อให้บุคคลทั่วไปหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง จึงได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย

จากการสืบสวนพบว่าผู้ถูกจับได้หลบหนีและซ่อนตัวอยู่แต่ภายในบ้านพัก บริเวณ หมู่ 4 ตำบลคลองสอง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ลงพื้นที่สืบสวน หาข่าว และเฝ้าติดตาม และตรวจสอบจนแน่ชัดว่า นางสาวนิโรบลฯ หลบมาพักอาศัยอยู่ภายในบ้านที่เกิดเหตุจริง จึงได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ปรากฏว่านางสาวนิโรบลฯรู้ตัวพยายามหลบตัวอยู่แต่ภายในห้องนอนไม่ยอมออกมาพบเจ้าหน้าที่แต่โดยดี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้พยายามกดดันและเจรจาต่อรองให้นางสาวนิโรบลฯเป็นระยะเวลากว่า 2 ชั่วโมง จนกระทั่งนางสาวนิโรบลฯ ยอมปรากฏตัวและออกมารับทราบหมายจับดังกล่าว 

จากการสอบถามผู้ถูกจับให้การภาคเสธว่า ตนเป็นกรรมการบริษัทฯดังกล่าวในฐานะผู้มีอำนาจลงนามโอนสิทธิเรียกร้องในมูลหนี้จริง อ้างว่าการกระทำทุกอย่างภายใต้อำนาจของตนในฐานะบริษัทฯดังกล่าวนั้นเป็นการกระทำการของแม่สามีของตน

โดยตนมิได้มีส่วนรู้เห็นหรือเกี่ยวข้องแต่อย่างใด ตนเพียงแค่ไปลงนามในเอกสารโอนสิทธิเรียกร้องในมูลหนี้ดังกล่าวจริง แต่หลังจากนั้นตนไม่ทราบว่าแม่สามีของตนได้เอาเอกสารสิทธิฯไปดำเนินการหรือจัดการในการดำเนินการธุรกรรมอื่นอีกหรือไม่ อย่างไร

ต่อมาทราบภายหลังว่า แม่สามีของตนได้หลบหนีไปโดยไม่ทราบว่าไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่ใด และต่อมาตนได้รับเอกสารหมายเรียกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงเกิดความกลัวในจะต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตนไม่ได้กระทำ จึงหลบหนีและซ่อนตัวในบ้านพักดังกล่าว จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้ 

ช่วงท้าย เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบพบว่า วันที่ 9 ก.ค.67 เป็นวันครบรอบวันคล้ายวันเกิดของ นางสาวนิโรมลฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้จัดหา “เค้ก” ชิ้นเล็กๆ เซอร์ไพรส์วันเกิด ซึ่งเป็นความสุขเล็กๆ หลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมในครั้งนี้

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ควบคุมตัวนำส่ง พงส.สน.บางซื่อ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ได้กล่าวฝากเตือนว่า “ บุคคลหรือนิติบุคคลกลุ่มหนึ่งกลุ่มใดมีเจตนากระทำการจัดทำเอกสารปลอมขึ้นทั้งฉบับหรือบางส่วน เติมหรือตัดตอน ข้อความ หรือแก้ไขด้วยประการใดๆ หรือประทับตราปลอม หรือลงลายมือชื่อปลอม ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่คนอื่นหรือประชาชน โดยมีมูลเหตุชักจูงใจเพื่อให้คนหนึ่งคนใดหลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง

ท่านอาจเข้าข่ายกระทำความผิดฐาน “ปลอมเอกสาร” ซึ่งอาจจะต้องรับโทษสูงสุดถึงจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท  หากพบว่าบุคคลหรือนิติบุคคลใด มีพฤติการณ์เข้าข่ายการปลอมแปลงเอกสารสามารถแจ้งเบาะแสการกระทำความผิด มายังเพจ “สืบนครบาล IDMB” ได้ตลอด 24 ชม. ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล