จับเพิ่ม! ยึดทรัพย์ 50 ล้าน แอดมินแก๊งปลอมเพจตร. ลวงเล่นพนันออนไลน์
ตำรวจสอบสวนกลาง รวบเพิ่ม แอดมินแก๊งปลอมเพจตำรวจCIB หลังแชทลวงผู้เสียหายเล่นพนันออนไลน์ อ้างเป็นวิธีติดตามเงินคืน ยึดทรัพย์ 50 ล้าน
กรณีแอดมินแก๊งปลอมเพจตำรวจ แชทลวงเล่นพนันออนไลน์ อ้างเป็นวิธีติดตามเงินคืน ล่าสุด ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ได้ร่วมกันจับกุม นายพงษ์ศิริ ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน
- ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน,
- ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน,
- มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ
- สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน
- ร่วมกันฟอกเงิน
โดยจับกุมได้ที่ ในพื้นที่หมู่ที่ 9 ต.บ้านสวน อ.เมืองชลบุรี จ.ชลบุรี
สืบเนื่องจาก เมื่อประมาณเดือน มิ.ย.66 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้ตรวจสอบพบเว็บไซต์แจ้งความออนไลน์ปลอม โดยมีการเลียนแบบเว็บไซต์
- แอบอ้างชื่อและใช้ตราสัญญาลักษณ์ของ กองบัญชาการสอบสวนกลาง
- รวมทั้งหน่วยงานอื่นในสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง
- กลุ่มมิจฉาชีพได้ใช้วิธียิงแอดโฆษณาผ่านเว็บไซต์สืบค้นข้อมูล (Google Ads)
- เมื่อมีประชาชนค้นหาคำว่า “แจ้งความออนไลน์” เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อ
- ทำการเพิ่มเพื่อนผ่านแอปพลิเคชันไลน์และสวมรอยเป็นแอดมิน
- ให้ผู้เสียหายติดต่อพูดคุยกับบุคคลซึ่งอ้างตนว่าเป็นทนายความผ่านแอปพลิเคชันไลน์ โดยจะให้คำปรึกษา
- ชี้แนะ พร้อมทั้งให้ผู้เสียหายส่งหลักฐานเรื่องที่ต้องการแจ้งความไปให้
จากนั้นทนายความจะส่งเรื่องต่อไปยังฝ่าย IT (information technology) โดยอ้างตนว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และแจ้งกับผู้เสียหายว่าเงินที่ผู้เสียหายถูกโกงไป ได้ถูกนำไปฟอกในแพลตฟอร์มการพนันออนไลน์ต่างประเทศ (เว็บพนัน)
พร้อมทั้งมีการทำแผนผังเส้นทางการเงินส่งให้ผู้เสียหายดู อีกทั้งยังแจ้งกับผู้เสียหายอีกว่า สามารถนำเงินมาคืนผู้เสียหายได้ โดยใช้วิธีการแฮก (Hack) เว็บการพนันดังกล่าว
จากนั้นคนร้ายจะให้ผู้เสียหายเล่นการพนันตามที่คนร้ายบอก เสร็จเรียบร้อยแล้ว จะปรากฏยอดเงินในบัญชีเว็บไซต์การพนันของผู้เสียหายเพิ่มขึ้น โดยคนร้ายจะแจ้งให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้าไปเพิ่ม เพื่อที่จะได้แฮกเงินคืนให้ได้มากกว่าเดิม แต่ท้ายที่สุดเมื่อผู้เสียหายจะถอนเงินออกมา จะไม่สามารถถอนได้
จากนั้นคนร้ายจะบล็อกช่องทางการติดต่อของผู้เสียหาย โดยพบว่าภายในระยะเวลา 15 วัน มีผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินให้กลุ่มคนร้ายมากกว่า 1,000 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 8 ล้านบาท
พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท. และ พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.2 บก.ปอท. ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.ณัฐวุฒิ มงคลการ, พ.ต.ต.ชัยเวง พาด้วง, พ.ต.ต.จักรพงษ์ รุ่งจำกัด, พ.ต.ต.วชิรเชษฐ์ อัครธีระพงศ์, พ.ต.ต.กมลภพ หาญเวช สว.กก.2 บก.ปอท., พ.ต.ต.ศุภเดช ธนชัยศิริ สว. (สอบสวน) กก.2 บก.ปอท. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอท. ดำเนินการ
ต่อมา เมื่อวันที่ 14-15 พ.ย.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอท. พร้อมด้วย กก.สสน.บก.ปอท., บก.ป., บก.ปอศ., บก.ปคบ. บูรณาการร่วมกันตรวจค้นจับกุมผู้ต้องหา 8 จุด ในพื้นที่ กทม., นนทุบรี, สมุทรสาคร, เชียงราย และสุราษฎร์ธานี
สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 4 ราย พร้อมทั้งตรวจยึดของกลางและทรัพย์สิน อาทิเช่น
- คอมพิวเตอร์,
- โทรศัพท์มือถือ,
- เงินสด,
- รถยนต์หรู,
- กระเป๋าแบรนด์เนม,
- เครื่องประดับต่างๆ
อายัดทรัพย์ยึดทรัพย์มูลค่ากว่า 50 ล้านบาท ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือน่าเชื่อว่าหลบหนีอยู่ในประเทศกัมพูชา และประเทศจีน ต่อมาจากการสืบสวนทราบว่า นายพงษ์ศิริ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาที่ทำหน้าที่เปิดบัญชีม้า
อีกทั้งยังเป็นแอดมินพูดคุยหลอกลวงผู้เสียหายอยู่ที่ประเทศกัมพูชา ได้เดินกลับเข้ามาในประเทศไทย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำกำลังลงพื้นที่สืบสวนหาข่าวและเฝ้าสังเกตการณ์และกดดันอย่างต่อเนื่อง จนผู้ต้องหาทนไม่ไหวตัดสินใจเดินทางเข้ามามอบตัวที่ กก.2 บก.ปอท.