จับตา! สถานการณ์ฝนทั่วประเทศ ยกระดับการจัดการน้ำ เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม
กรมชลประทาน เกาะติดสถานการณ์ฝนทั่วประเทศ ยกระดับบริหารจัดการน้ำ เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม ลดผลกระทบประชาชนให้มากที่สุด
วันนี้ (19 ส.ค. 67) ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) กรมชลประทาน เปิดเผยถึง สถานการณ์น้ำปัจจุบัน (19 ส.ค. 67) ว่า อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 44,803 ล้าน ลบ.ม. (59% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) ยังสามารถรองรับน้ำได้รวมกันอีกกว่า 31,534 ล้าน ลบ.ม.
เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 12,059 ล้าน ลบ.ม. (48% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) ยังสามารถรองรับน้ำได้รวมกันอีกกว่า 12,800 ล้าน ลบ.ม.
ด้านสถานการณ์น้ำท่าในลุ่มน้ำสายหลักส่วนใหญ่อยู่ในสภาวะปกติ
โดยที่สถานีวัดน้ำ C2. อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ ปริมาณน้ำมีแนวโน้มลดลง กรมชลประทาน ได้ปรับลดการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาให้สอดคล้องกับสถานการณ์น้ำทางตอนบน โดยจะรักษาระดับน้ำหน้าเขื่อนให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม เพื่อทดน้ำเข้าระบบชลประทานทั้งสองฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยา ให้เกษตรกรได้เพาะปลูกจนกว่าจะเก็บเกี่ยวแล้วเสร็จ
ส่วนสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำชี-มูล ปัจจุบันมีแนวโน้มทรงตัว กรมชลประทาน ได้บริหารจัดการน้ำในลำน้ำและอ่างเก็บน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ควบคู่ไปกับการเก็บกัก พร้อมเฝ้าระวังสถานการณ์ฝนอย่างใกล้ชิดจนกว่าจะสิ้นสุดฤดูฝน
ทั้งนี้ กรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ว่า ระหว่างวันที่ 19 -25 ส.ค. 67 ร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนภาคเหนือ และประเทศลาว ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้มีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือ ส่วนในช่วงวันที่ 21 - 24 ส.ค. 67 จะมีแนวพัดสอบของลมตะวันออกเฉียงใต้และลมตะวันตกเฉียงใต้ในระดับบน ปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับในช่วงวันที่ 23 - 25 ส.ค. 67 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย จะเริ่มมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง นั้น
เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูฝนนี้ เกิดประสิทธิภาพสูงสุด กรมชลประทาน ได้กำชับไปยังโครงการชลประทานทั่วประเทศ ให้เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำในลำน้ำและอ่างเก็บน้ำ รวมไปถึงสถานีโทรมาตรและพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย ล่วงหน้า 3-7 วัน เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์วางแผนบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ฝนและการคาดการณ์ พิจารณาพร่องน้ำในลำน้ำและอ่างเก็บน้ำ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำประปา การประมง และพื้นที่ท้ายน้ำ เพื่อเตรียมรองรับปริมาณฝนที่จะเพิ่มขึ้นในระยะต่อไป รวมทั้งจัดเตรียมเครื่องจักรเครื่องมือประจำจุดเสี่ยงเพื่อให้สามารถเข้าช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัยได้ทันที ตามนโนบายของร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์