ศปช. เตือน 21 จังหวัด เฝ้าระวังฝนตกหนัก เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำ

ศปช. เตือน 21 จังหวัด เฝ้าระวังฝนตกหนัก เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำ

โฆษก. ศปช. เผย ภาคเหนือ-กลางเริ่มผ่อนคลาย ส่วนใต้และตะวันออกยังต้องเฝ้าระวัง ล่าสุดสั่งลดปริมาณปล่อยน้ำในเขื่อนลดผลกระทบจากน้ำทะเลหนุน 1-2 วันนี้ พร้อมเตือน 21 จังหวัด เฝ้าระวังฝนตกหนักในช่วงนี้

วันนี้ (13 ต.ค. 67) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม หรือ ศปช. และ ศปช. ส่วนหน้าเปิดเผยว่า จากปริมาณฝนและปริมาณน้ำที่ไหลผ่านเหนือเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ปริมาณน้ำไหลผ่านแม่น้ำเจ้าพระยาสถานี C.2 นครสวรรค์ 2,184 ลบ.ม./วินาที และการระบายน้ำวันนี้อยู่ที่ 1,900ลบ.ม./วินาที 

โดยที่ประชุม ศปช. วันนี้ ให้ปรับลดการระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยาลงอีกจนเหลือแค่ 1,850 ลบ.ม./วินาที เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำ ท้ายเขื่อนไม่เกิดปัญหากับพี่น้องประชาชน ทั้งในกรุงเทพฯและปริมณฑลมากนัก และเป็นไปอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์น้ำฝนและน้ำทะเลที่จะขึ้นหนุนในช่วงวันที่ 13 – 24 ต.ค. นี้ 

ส่วนพื้นที่ภาคใต้ เนื่องจาก ยังมีฝนตกหนักในหลายพื้นที่โดยศปช.ขอให้ประชาชนที่อยู่ใน 9 จังหวัด

พื้นที่เสี่ยงสูงมาก เฝ้าระวังและติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด ได้แก่

1. จ.พังงา (อ.ตะกั่วทุ่ง คุระบุรี กะปง ท้ายเหมือง เมืองพังงา ทับปุด เกาะยาว ตะกั่วป่า)

2. จ.ภูเก็ต (ถลาง เมืองภูเก็ต กะทู้)

3.จ.กระบี่ (อ่าวลึก เกาะลันตา ปลายพระยา คลองท่อม เหนือคลอง เมืองกระบี่ เขาพนม ลำทับ)

4.สุราษฎร์ธานี (บ้านตาขุน บ้านนาสาร บ้านนาเดิม กาญจนดิษฐ์ ดอนสัก ท่าชนะ เวียงสระ เมืองสุราษฎร์ธานี วิภาวดี ไชยา เกาะสมุย คีรีรัฐนิคม พนม ท่าฉาง พระแสง)

5.ตรัง (เมืองตรัง กันตัง ย่านตาขาว ปะเหลียน สิเกา ห้วยยอด วังวิเศษ นาโยง รัษฎา)

6.ยะลา (เมืองยะลา เบตง ยะหา บันนังสตา ธารโต กาบัง รามัน กรงปินัง)

7.นราธิวาส (เมืองนราธิวาส บาเจาะ ยี่งอ ระแงะ รือเสาะ ศรีสาคร สุไหงปาดี เจาะไอร้อง จะแนะ สุคิริน แว้ง)

8.ปัตตานี (โคกโพธิ์ หนองจิก แม่ลาน ปะนาเระ มายอ ทุ่งยางแดง สายบุรี ยะรัง กะพ้อ)

9.พัทลุง (เมืองพัทลุง กงหรา ศรีบรรพต ศรีนครินทร์ เขาชัยสน ตะโหมด ควนขนุน ป่าบอน ป่าพะยอม)
 

พื้นที่เสี่ยงจังหวัด 12 ที่ต้องเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ ได้แก่

1. จ.ระนอง (อ.สุขสำราญ กะเปอร์ ละอุ่น เมืองระนอง กระบุรี)

2. นครศรีธรรมราช (อ.ฉวาง พิปูน ท่าศาลา ลานสกา ช้างกลางเชียรใหญ่ เมืองนครศรีธรรมราช ปากพนัง พรหมคีรี เฉลิมพระเกียรติ ร่อนพิบูลย์ หัวไทร ทุ่งสง ทุ่งใหญ่ สิชล ขนอม นาบอน นบพิตำ)

3. จ.สงขลา (เมืองสงขลา จะนะ นาทวี เทพา สะบ้าย้อย สะเดา ระโนด รัตภูมิ หาดใหญ่ นาหม่อน คลองหอยโข่ง)

4. จ.สตูล (เมืองสตูล ควนโดน ควนกาหลง ละงู ทุ่งหว้า 
มะนัง)

5. จ.กาญจนบุรี (อ.เมือง เลาขวัญ บ่อพลอย หนองปรือ พนมทวน ท่ามะกา ท่าม่วง ด่านมะขามเตี้ย ห้วยระเจา)

6. จ.เพชรบุรี

7. จ.ประจวบคีรีขันธ์

8. จ.ชุมพร (สวี ละแม เมืองชุมพร ท่าแซะ ปะทิว พะโต๊ะ ทุ่งตะโก)

9. จ.จันทบุรี (ขลุง)

10. จ.ระยอง

11. จ.ตราด

12. จ.ชลบุรี 

โดย ศปช.ขอให้ประชาชนเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำ รวมทั้งติดตามข่าวสารการแจ้งเตือนล่วงหน้าของหน่วยงานราชการแก่ประชาชนในพื้นที่เสี่ยง หากต้องการความช่วยเหลือโทรสายด่วนได้ที่ 1567 ตลอด 24 ชม.

นอกจากนี้ที่ประชุม ศปช. ได้เตรียมความพร้อมในการพร่องน้ำในอ่างเก็บน้ำในพื้นที่ภาคใต้ที่มีปริมาณความจุเกิน 80% เพื่อรองรับปริมาณฝนที่จะเติมเข้ามา รวมทั้ง สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบความแข็งแรงของอ่างเก็บน้ำในพื้นที่ และกำจัดวัชพืชและสิ่งกีดขวางทางน้ำเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ ตลอดจนประสานอ่างเก็บน้ำท้องถิ่นเพื่อบริหารจัดการการระบายน้ำในพื้นที่

ส่วนความคืบหน้าแผนฟื้นฟูที่ จ.เชียงราย นายจิรายุ กล่าวว่า  ศปช. ส่วนหน้าจังหวัดเชียงรายได้รายงานความคืบหน้า โดยระบุว่าการให้ความช่วยเหลือประชาชนถือว่ามากกว่า 90% แล้วและไม่มีสถานการณ์อุทกภัยและดินถล่มในพื้นที่ จ.เชียงราย เพิ่มเติม ขณะนี้อยู่ระหว่างฟื้นฟูพื้นที่หลังน้ำลด โดยหน่วยงานต่างๆ ไม่มีการถอนกำลังและ ยังคงเดินหน้าเพื่อให้กลับคืนสู่สภาวะปกติโดยเร็ว 

ส่วนการดำเนินการให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยใน อ.แม่สาย มีผู้ใช้ไฟฟ้ามีไฟฟ้าใช้แล้ว 12,268 ราย การฟื้นฟูบ้านเรือนประชาชน 819 หลัง ดำเนินการแล้ว 658 หลัง คิดเป็น 80%

นายจิรายุ ชี้แจงกรณีสื่อออนไลน์นำเสนอข่าวน้ำท่วมขังและน้ำมีกลิ่นเหม็น ที่บ้านหลุก อ.เมืองลำพูน ว่า ศปช.ได้เร่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่เร่งแก้ไขปัญหาใน 3 จุดแล้ว ได้แก่

จุดที่ 1 สวนกาญจนาภิเษก ต.เหมืองง่า อ.เมืองลำพูน ซึ่งบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่รับน้ำที่มีประชาชนบางส่วนเข้าไปอยู่อาศัย เป็นจุดรับน้ำ และจะผันน้ำลงลำเหมืองหลิ่งห้า มีสภาพที่ตื้นเขิน คับแคบ ประกอบกับมีอาคารบังคับน้ำเก่ากีดขวาง ทำให้ระบายน้ำไม่สะดวก  ซึ่ง จนท.ได้ติดเครื่องผลักดันน้ำ 1 เครื่อง เครื่องสูบน้ำ 12 นิ้ว 2 เครื่อง และเครื่องสูบซิ่ง 2 เครื่องเพื่อเร่งระบายน้ำ

จุดที่ 2 หลังเทศบาลตำบลเหมืองง่า (เก่า) คือลำเหมืองหลิ่งห้า จะรับน้ำต่อจากจุด 1 ซึ่งมีลักษณะของสะพานที่แคบ จึงได้มีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาด 42 นิ้ว 1 เครื่อง เพื่อผลักดันน้ำก่อนไป

จุดที่ 3 โดยต้องผ่านอาคารฝายเก่า ทำให้ระบายน้ำได้น้อยมาก ทาง อบจ.ลำพูน ได้ร่วมกับชลประทาน จ.ลำพูน ดำเนินการขุดร่องชักน้ำด้านข้างอาคารเพิ่มเติม เพื่อเร่งระบายน้ำจุดนี้อย่างเร่งด่วน ในส่วนของจุดอื่นๆ ยังคงระบายน้ำได้ดี และไม่มีผลกับการระบายน้ำทั้ง 3 จุด ข้างต้น

“จังหวัดลำพูนได้บูรณาการทำงานทุกภาคส่วนเพื่อเร่งแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและน้ำท่วมขังออกจากพื้นที่โดยเร็วที่สุด โดยได้มีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำจำนวน 74 ตัว อีกทั้งยังขอรับการสนับสนุนเรือผลักดันน้ำจากกองทัพเรือจำนวน 20 ลำ และติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำจำนวน 6 ตัว นอกจากนี้ ทสจ.ลำพูน ร่วมกับสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 เชียงใหม่ ดำเนินการแจกจ่ายน้ำหมักชีวภาพให้กับชุมชน ต.ริมปิง ต.หนองช้างคืน ต.เหมืองง่า อ.เมือง จ.ลำพูน จำนวน 200 ลิตร เพื่อลดผลกระทบแก่ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน และคาดว่าสถานการณ์จะดีขึ้นและกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ภายในวันที่ 15 ต.ค. นี้ และ ทสจ.ลำพูน ร่วมกับสถานีพัฒนาที่ดินจังหวัดลำพูน นำน้ำหมักชีวภาพและสารเร่งซุปเปอร์ พด.6 เพื่อใช้บรรเทาความเดือดร้อนจากน้ำท่วมขังในพื้นที่ ต.อุโมงค์ อ.เมือง จ.ลำพูน การลงไปช่วยเหลือของหน่วยงานต่าง ๆ คาดว่าจะคลี่คลายเข้าสู่ภาวะปกติในเวลาไม่นานนี้” นายจิรายุ กล่าว