ลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ ยักยอกเงินบริษัทนับแสน ล่าสุดบุกจับที่บางนา
ล่าได้ตัว ลูกจ้างลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ ยักยอกเงินบริษัทนับแสน ล่าสุดบุกจับที่บางนา กรุงเทพ
กรณีสืบนครบาลรวบชาย ก่อเหตุลักทรัพย์รถจักรยานยนต์และยักยอกเงินบริษัทเสียหายกว่า 1 แสนบาท
ตำรวจกองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหายซึ่งถูกลูกจ้างที่เพิ่งมาสมัครเป็นพนักงานขับรถยนต์ผู้บริหารก่อเหตุลักทรัพย์รถจักรยานยนต์รวมทั้งยักยอกเงินที่นายจ้างให้ไว้เติมบัตร Easy Pass เพื่อปฏิบัติหน้าที่ ตลอดจนให้สั่งซื้ออะไหล่รถยนต์เพื่อมาเปลี่ยนซ่อมบำรุงรถที่ใช้ทำหน้าที่ รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 1 แสนบาท ก่อนจะหลบหนีหายไม่กลับมาทำงาน เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย จึงเดินทางเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง ให้ดำเนินคดี
ต่อมา วันที่ 28 ตุลาคม 2567 เวลาประมาณ 20.45 น. เจ้าหน้าที่ กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายเรวัตร อายุ 52 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 4468/2567 ลงวันที่ 12 กันยายน 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ ลักทรัพย์นายจ้าง , เอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่น , ใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ซึ่งเป็นบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิใช้เพื่อใช้ประโยชน์ในการชำระค่าสินค้าค่าบริการหรือหนี้อื่นแทนการชำระด้วยเงินสด
โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่บริเวณลานจอดรถแมนชั่น ซอยสุขุมวิทย์ 105 แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพฯ
ในชั้นจับกุม นายเรวัตร หรือ “ วัตร บางใหญ่” ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่าก่อนหน้านี้ได้ขับรถแท็กซี่ ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นพนักงานขับรถตามบริษัทต่างๆ จนมาขับรถให้กับผู้บริหารบริษัทเกี่ยวกับผลิตไฟฟ้าพลังงานลมแห่งหนึ่ง เกี่ยวกับคดีที่ตนถูกจับกุม ตนรับสารภาพว่าตนก่อเหตุลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ที่นายจ้างให้ตนไว้ในเพื่อเดินทางมาทำงานจริง โดยตนนำรถจักรยานยนต์ไปให้หญิงสาวที่ตนชอบพอไว้ใช้ แต่เนื่องจากผู้หญิงคนดังกล่าวเมื่อได้รถจักรยานยนต์จากตนไปแล้ว กลับหนีหายจากตนไปไม่สามารถติดต่อได้ ตนจึงเกรงจะถูกด่าว่าจากนายจ้าง นอกจากนี้ ยังรับสารภาพอีกว่า ตนเคยก่อเหตุยักยอกเงินที่นายจ้างให้ตนนำไว้เพื่อนำไปเติมเงินในบัตร Easy Pass สำหรับขับรถตามหน้าที่ และเงินค่าอะไหล่รถยนต์ที่นายจ้างให้ตนไว้เพื่อนำรถไปซ่อมที่ศูนย์รถยนต์ รวมกว่า 20,000 บาท จึงหลบหนีไม่กลับไปทำงานในบริษัทดังกล่าวอีก โดยเปลี่ยนที่อยู่ และเพิ่งจะไปสมัครงานและทำงานเป็นคนขับรถให้รายวันของบริษัทแห่งหนึ่งในพื้นที่อ่อนนุช โดยไม่คิดว่าจะมาถูกจับกุมตัวได้ จนมาถูกจับกุมตัวในครั้งนี้
จากการตรวจสอบประวัติคดีในฐานข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบข้อมูลว่า ณ ปัจจุบันนายเรวัตร ยังมีหมายจับที่ต้องการตัวเพื่อดำเนินคดีในระบบ อีก 1 หมายจับ คือ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 4809/2567 ลงวันที่ 30 กันยายน พ.ศ.2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ เอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่นในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนและยักยอกทรัพย์ ” ท้องที่ สน.มักกะสัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ประสานพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบเพื่อดำเนินการอายัดเพื่อนำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายให้ครบถ้วนในคราวเดียวกันเป็นที่เรียบร้อย จึงได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ กล่าวว่า ในปัจจุบันการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมพนักงานก่อนรับเข้าทำงานเป็นสิ่งสำคัญ เพราะในยุคปัจจุบันนั้นมิจฉาชีพมีทุกรูปแบบ ซึ่งเราอาจรู้หน้า แต่ไม่รู้ใจ และนายจ้างไม่สามารถทราบถึงข้อมูลอ่อนไหว หรือข้อมูลสำคัญอื่นๆได้เลย ฉะนั้นการเช็กประวัติอาชญากรรมก่อนรับคนเข้าทำงานจึงเป็นส่วนสำคัญที่ควรทำกับทุกตำแหน่งในองค์กร ส่วนลูกจ้าง ขอให้คิดอย่างถี่ถ้วนยังยั้งการลงมือก่อเหตุกับนายจ้าง เพราะนอกจากมีโทษติดคุกแล้ว ยังเสียประวัติในการที่จะไปสมัครงานที่อื่นด้วย