ร้องเอาผิด บริษัทพลังงานสะอาด หลอกลงทุน ได้ปันผลตลอดชีวิต เสียหาย 3 พันล้าน

ร้องเอาผิด บริษัทพลังงานสะอาด หลอกลงทุน ได้ปันผลตลอดชีวิต เสียหาย 3 พันล้าน

สภาทนายความฯ พาผู้เสียหายเข้าร้อง ปอศ. เอาผิดบริษัทพลังงานสะอาด หลอกลงทุน อ้างให้ผลตอบแทนสูง ได้เงินปันผลตลอดชีวิต มีหยื่อทั่วประเทศหลวมตัวร่วมลงทุนกว่า 70,000 คน เบื้องต้นมูลค่าความเสียหาย 3,000 ล้านบาท

อัปเดตความคืบหน้ากรณี สภาทนายความฯ พาผู้เสียหายเข้าร้อง ปอศ.เอาผิด บริษัทพลังงานสะอาด หลอกลงทุน อ้างให้ผลตอบแทนสูง ได้เงินปันผลตลอดชีวิต มีหยื่อทั่วประเทศหลวมตัวร่วมลงทุนกว่า 70,000 คน เบื้องต้นมูลค่าความเสียหาย 3,000 ล้านบาท

วันนี้ 31 ตุลาคม 2567  เนชั่นทีวีรายงานว่า  ที่ศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายกิตติคุณ เเสงหิรัญ ตัวแทนจากสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ พร้อมนางอภันธ์ตรี อายุ 55 ปี และผู้เสียหายกว่า 20 คน เข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อเเจ้งความเอาผิดบริษัทผลิตพลังงานเครื่องกำเนิดไฟฟ้า พลังงานสะอาดแห่งหนึ่ง หลอกลวงให้ลงทุน มีสมาชิกผู้เสียหายทั่วประเทศกว่า 70,000 คน 

นางอภันธ์ตรี กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อปลายปี 2562 ผู้เสียหายส่วยใหญ่ได้รับลิงก์จากบริษัทดังกล่าว เกี่ยวกับการนำเงินเกษียณอายุไปลงทุนต่อยอด จึงได้มีการชักชวนร่วมลงทุนเกี่ยวกับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าพลังงานสะอาด 

มีการโฆษณาว่า เครื่องดังกล่าวจะสามารถขายได้ ทั้งในและต่างประเทศ หากซื้อหุ้นราคาละ 100 บาท จะได้เงินปันผลใน 50 สัปดาห์ และหลังจากนั้นจะได้เงินปันผลตลอดชีวิต จึงมีผู้เสียหายจำนวนมากเข้าร่วมลงทุน  ซึ่งบริษัทดังกล่าวอ้างว่าเงินปันผลจะถูกหัก 10% เข้าสรรพากร และมีการปันผลกับผู้เเนะนำ

โดยกลุ่มผู้ลงทุนกลุ่มแรก ได้เริ่มลงทุนเมื่อเดือน ก.ย. 62 กลุ่ม 2 เดือน ธ.ค. 62- เม.ย. 63 และกลุ่มที่ 3 เริ่มต้นเมื่อเดือน พ.ค. 63 และได้ปันผล 3% ใน 30 สัปดาห์  ทำให้ในช่วงระหว่างกลุ่มที่สองและกลุ่มที่สาม ผู้เสียหายมีการระดมซื้อหุ้นเป็นจำนวนมาก โดยมีการโอนเงินเข้าธนาคารแห่งหนึ่งสาขารามอินทรา ตั้งเเต่หลักเเสนถึงหลักล้านบาท

ซึ่งช่วง พ.ค. 63 โปรแกรมในการลงทุนได้มีการปิดลง เนื่องจากทางรัฐบาลได้มีการยึดทรัพย์ หลังจากกนั้นทางบริษัทได้ให้แอดมินติดต่อกลับผู้เสียหาย เพื่อเกลี้ยกล่อมในกลุ่มไลน์ที่มีจำนวนสมาชิก 2,000 คน ไม่ให้เเจ้งความ 

โดยอ้างว่าถูกภาครัฐกลั่นแกล้ง อายัดและปิดบัญชี และยังอ้างอีกว่าจะมีการซื้อหุ้นและเยียวยาคืน แต่ก็ไม่มีจริง จึงได้มีการเรียกร้องเพื่อขอความเป็นธรรมกับศาลชั้นต้น เมื่อช่วงเดือน มี.ค. 66  

ซึ่งหลังจากนั้นมีการยื่นอุทธรณ์ 5-7 ครั้ง โดยศาลให้บริษัทดังกล่าวนำเครื่องกำเนิดไฟฟ้ามาแสดง แต่ก็ไม่ได้มีการนำมา จึงยุติไปในช่วงเดือน พ.ค. ทั้งนี้ตนและผู้เสียหายในวันนี้ ไม่ได้อยู่ในกลุ่มผู้เสียหายที่ถูกเยียวยาในกลุ่มแรกจำนวน 299 คน จึงมาขอความช่วยเหลือเกี่ยวกับการดำเนินคดีอาญา

อย่างไรก็ตาม ผู้เสียหายชุดหลังได้มีการไปแจ้งความดำเนินคดี ที่สถานีตำรวจใกล้บ้าน แต่ตำรวจบอกว่า อายุความทางคดีนั้นเกิน 90 วันแล้ว จึงทำได้เพียงแค่ลงบันทึกประจำวันไว้ จากนั้นจึงได้มีการรวมตัวกันไปยื่นฟ้องที่ศาลแพ่ง โดยศาลชั้นต้นได้มีการตีตกไป หลังจากนั้นก็ได้มีการยื่นอุทธรณ์ ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินการ  

ส่วนทรัพย์สินที่ทาง ปปง.ได้อายัดไว้มูลค่า 400 ล้านบาท จะตกเป็นของแผ่นดินนั้น ผู้เสียหายที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มแรก ที่ได้รับการเฉลี่ยเงินคืน จะสามารถร้องเรียนได้ในระยะเวลาหนึ่งปี หรือจนกว่าคดีจะสิ้นสุด จึงได้มีการทำหนังสือถึงอัยการสูงสุด แต่ก็ยังไม่ได้มีการเรียกไปพูดคุยว่า จะต้องดำเนินการอย่างไรต่อ 

วันนี้จึงต้องมาพึ่งตำรวจ บก.ปอศ.  เพราะทราบว่า มีผู้เสียหายประมาณ 60 คน ที่ยังมีคดีค้างอยู่ที่ บก.ปอศ. เพื่อนำผู้เสียหายที่มาในวันนี้นั้น ไปรวมกับ 60 คน ในการดำเนินคดีอาญา คดีนี้เชื่อว่ามีผู้เสียหายมากถึง 70,000 คน แต่หลายคนไม่กล้าออกมาเรียกร้องความเป็นธรรม เพราะไม่รู้ช่องทางในการเข้าดำเนินการ 

ร้องเอาผิด บริษัทพลังงานสะอาด หลอกลงทุน ได้ปันผลตลอดชีวิต เสียหาย 3 พันล้าน

ด้าน นายกิตติคุณ กล่าวว่า ในส่วนของคดีอาญา จะเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ผิดข้อหาเกี่ยวกับพระราชบัญญัติกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน และนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งก่อนหน้านี้มีผู้เสียหายไปแจ้งความแล้ว 60 คน ซึ่งสภาทนายความได้ประสานอัยการกองเศรษฐกิจและทรัพยากร

แต่ปรากฏว่าผ่านมา 3 ปี เปลี่ยนพนักงานอัยการจนครบวาระแล้ว ก็ยังไม่มีความคืบหน้า จนผู้เสียหายไปร้องเรียนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม ทั้งกรมสอบสวนคดีพิเศษ และกระทรวงยุติธรรม รวมถึงเดินทางมาแจ้งความเพิ่มเติมในวันนี้ด้วย 

สภาทนายความฯ ก็ไม่นิ่งนอนใจ และจะมีการตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียน ซึ่งผู้เสียหายที่เหลือที่ต้องการได้รับความเป็นธรรม จากกรณีดังกล่าวสามารถติดต่อมาทางสภาทนายความฯได้

ร้องเอาผิด บริษัทพลังงานสะอาด หลอกลงทุน ได้ปันผลตลอดชีวิต เสียหาย 3 พันล้าน

สำหรับคดีนี้คือ คดีที่นายวิชาญ เมฆพายัพ ประธานบริษัท บีพี สมาร์ทฟาร์มเมอร์ จำกัด (มหาชน) และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนด้วยการหลอกลวง ให้บุคคลทั่วไปร่วมลงทุนในลักษณะแชร์ลูกโซ่ เมื่อ 62 ขณะนั้นมีสมาชิกซึ่งเป็นผู้เสียหายกว่า 70,000 คน มูลค่าความเสียหายกว่าหนึ่งหมื่นล้านบาท

ต่อมา 11 มิ.ย. 63 พล.ต.ท.ชวลิต แสวงพืชน์ ผบช.สทส.ตร.ได้แถลงข่าวศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมเทคโนโลยีสารสนเทศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) ถึงผลการจับกุมขนวบการแชร์ลูกโซ่ บริษัท บีพี สมาร์ทฟาร์มเมอร์ จำกัด(มหาชน) โดยแถลงว่า เมื่อต้นปี 62 นายวิชาญ ได้ทำเอกสารเสนอขายต่อประชาชน นำพลังงานทางเลือกมาใช้ในการเกษตรอ้างว่า ได้สร้างนวัตกรรมเครื่อง กระแสไฟฟ้าพลังงานแม่เหล็ก เปิดให้คนทั่วไปร่วมลงทุน อ้างให้ผลตอบแทนสูง เบื้องต้นมูลค่าความเสียหายกว่า 3,000 ล้านบาท

สำหรับคดีนี้ได้มีการฟ้องคดีแพ่ง ศาลชั้นต้นได้ตัดสินพิพากษาเมื่อวันที่ 24 มี.ค. 66 สั่งให้ ปปง. ที่อายัดยึดทรัพย์มากว่า 400 ล้านบาท จ่ายค่าเสียหายคืนให้ผู้เสียหายกลุ่มแรก จำนวน 299 คน ที่เคยยื่นเรื่องต่อ ปปง.

ส่วนคนที่ยังไม่เป็นผู้เสียหาย ได้รวมตัวกับร้องขอความช่วยเหลือจากสภาทนายความฯ จึงนัดหมายให้รวมตัวกันมาแจ้งความต่อ พงส.บก.ปอศ.ในวันนี้

อ้างอิง-ภาพ : nationtv