ตร.ไม่ให้ประกัน เมีย-ลูก "หมอบุญ" คืนนี้นอนห้องขัง ก่อนคุมฝากขังศาล 25 พ.ย.

ตร.ไม่ให้ประกัน เมีย-ลูก "หมอบุญ" คืนนี้นอนห้องขัง ก่อนคุมฝากขังศาล 25 พ.ย.

ตร.ไม่ให้ประกัน เมีย-ลูก "หมอบุญ" ฐานร่วมกันฉ้อโกง เตรียมนำตัวฝากขังศาล 25 พ.ย.นี้ ผู้เสียหายจี้เอาผิดลูกสะใภ้ เชื่อรู้เห็น

วันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ตำรวจกำลังสอบปากคำ นางจารุวรรณ อายุ 79 ปี และน.ส.นลิน อายุ 51 ปี ภรรยาและบุตรสาวของ นพ.บุญ วนาสิน หรือ "หมอบุญ" ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชน กรณีหลอกให้ร่วมลงทุนธุรกิจเกี่ยวกับการแพทย์ หลังจากที่ทั้งคู่เดินทางมามอบตัวในวันนี้ ทั้งนี้มีผู้เสียหาย 3 ราย เดินทางมายื่นขอคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาทั้งสองคนจะหลบหนี

 

นายหมี หนึ่งในผู้เสียหายที่ร่วมลงทุน เสียหาย 70 ล้านบาท ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ตนได้ร่วมลงทุนกับเพื่อนผ่านโบรกเกอร์บริษัทดังรายหนึ่ง ถูกชักชวนให้ไปลงทุนร่วมกับเพื่อน ตนลงทุนไป 70 ล้านบาท ส่วนเพื่อนลงทุนไป 100 ล้านบาท รวมทั้งหมดเป็น 170 ล้านบาท ซึ่งตนไม่ได้รู้จักกับ หมอบุญ เป็นการส่วนตัว แต่เห็นผ่านสื่อโฆษณา และเห็นว่าเป็นหมอที่มีชื่อเสียง คิดไม่ถึงว่าจะมีพฤติกรรมเช่นนี้ โดยส่วนใหญ่จะอ้างว่าจะนำไปลงทุนโครงการเวลเนสริมแม่น้ำ พระราม 3 และโรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง และอ้างว่าจะนำไปลงทุนซื้อถุงมือทางการแพทย์ในช่วง โควิด-19

นอกจากนี้ ยังมีผู้เสียหายรายอื่นอีกหลายราย โดยมีผู้เสียหายรายหนึ่งเสียหายมูลค่าสูงสุดถึง 2,000 ล้านบาท ในการลงทุน และเชื่อว่ามูลค่าความเสียหายทั้งหมดน่าจะสูงถึง 20,000 ล้านบาท และมีบุคคลที่อยู่ในตระกูลดัง นามสกุลดัง นักธุรกิจ ที่เข้ามาร่วมลงทุนแล้วได้รับความเสียหาย แต่ไม่กล้าเปิดเผยตัวอีกมาก

ทั้งนี้ โบรกเกอร์และหมอบุญอ้างว่าจะได้รับผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ย ร้อยละ 8% ต่อปี ซึ่งช่วงแรกมองว่าไม่สมเหตุสมผล แต่หมอบุญนำหุ้นของโรงพยาบาลธนบุรีมาใช้ในการค้ำประกัน เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือ ซึ่งผู้เสียหายมีหลายรูปแบบ ทั้งที่ได้หุ้นและยังไม่ได้หุ้นดังกล่าว และจากการตรวจสอบย้อนหลังหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ พบว่าหุ้นดังกล่าวเหลือเพียงหุ้นที่เป็นชื่อของลูกและภรรยาของหมอบุญเท่านั้น โดยหมอบุญถือหุ้นอยู่เพียงเล็กน้อย และที่ลูกสาวและภรรยาหมอบุญปฏิเสธว่าไม่ได้มีส่วนรู้เห็นและอ้างว่าถูกปลอมลายเซ็นนั้น ตนไม่เชื่อ เพราะเป็นครอบครัวเดียวกันจึงน่าจะมีส่วนรู้เห็น

 

ส่วนกรณีของลูกสะใภ้ของหมอบุญที่ตำรวจกันไว้เป็นพยาน แต่ไม่ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหา นายหมี ระบุว่า ตนรู้สึกแปลกใจที่ไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา เพราะเชื่อว่าลูกสะใภ้มีส่วนรู้เห็นในขบวนการนี้ เนื่องจากในเวลาจำนองหุ้น ตนได้เข้าไปร่วมระหว่างการโอนหุ้นด้วย พบว่ามีการใช้บัตรประชาชนตัวจริง และยืนยันทางโทรศัพท์กับเจ้าของหุ้น ซึ่งมีพยานเป็นเจ้าหน้าที่ตลาดหลักทรัพย์ และเชื่อว่าทุกคนมีส่วนร่วมในกระบวนการนี้

ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการสอบสวนภรรยาและลูกสาวของ "หมอบุญ" พนักงานสอบสวนไม่ให้ประกันตัวในชั้นสอบสวน โดยได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนขึ้นรถตู้ของ สน.ห้วยขวาง นำไปฝากควบคุมตัวไว้ที่ สน.พญาไท เนื่องจากต้องควบคุมตัวกลับมาสอบปากคำอีกครั้งในช่วงสายวันพรุ่งนี้ (24 พ.ย. 67) เพราะยังต้องสอบปากคำเพิ่มเติมอีกหลายประเด็น ก่อนพิจารณานำตัวไปส่งฝากขังที่ศาลอาญารัชดา ในช่วงเช้าของวันจันทร์ที่ 25 พ.ย.นี้

ด้าน พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 เปิดเผยว่า การติดตามจับกุมตัว หมอบุญ ที่ยังหลบหนีอยู่ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนจีน ได้ประสานไปยังกองการต่างประเทศ ให้ทำหนังสือไปยัง interpol หรือ ตำรวจสากล เพื่อออกหมายแดงให้ช่วยติดตามจับกุมตัวหมอบุญมาดำเนินคดี ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนทางธุรการและประสานงานไปยังตำรวจสากล 

ส่วนการออกหมายจับในล็อตที่ 2 ยืนยันว่ามีแน่นอน ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน โดยจะมุ่งเป้าไปที่เหล่าบรรดาโบรกเกอร์ที่ชักชวนผู้เสียหายร่วมลงทุนหรือกู้เงิน เพราะจากการสืบสวนสอบสวนพบว่าส่วนใหญ่ผู้เสียหายมาจากการหลงเชื่อโบรกเกอร์มากกว่า เพราะเป็นตัวแทนในการลงทุนซื้อขายหุ้นกันมาเป็นเวลานาน และถือว่าเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในเปอร์เซ็นต์หรือส่วนแบ่งจากการลงทุนกับหมอบุญ จึงต้องมีส่วนรับผิดชอบในคดีดังกล่าว

ตร.ไม่ให้ประกัน เมีย-ลูก \"หมอบุญ\" คืนนี้นอนห้องขัง ก่อนคุมฝากขังศาล 25 พ.ย.