ภัยออนไลน์ แฉหนุ่มนักรัก ชวนเปิดกล้องวิดีโอคอล แคปคลิปข่มขู่เหยื่อ

ภัยออนไลน์ แฉหนุ่มนักรัก ชวนเปิดกล้องวิดีโอคอล แคปคลิปข่มขู่เหยื่อ

ภัยออนไลน์ แฉหนุ่มนักรักสายแอป ชวนเปิดกล้องวิดีโอคอล แอปพลิเคชันหาคู่ แคปคลิปข่มขู่เหยื่อ คนร้ายมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับสื่อลามกอนาจารเด็ก

แจ้งเตือนภัยออนไลน์ แฉหนุ่มนักรักสายแอป ชวนเปิดกล้องวิดีโอคอล แอปพลิเคชันหาคู่ แคปคลิปข่มขู่เหยื่อ คนร้ายมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับสื่อลามกอนาจารเด็ก

สืบเนื่องจากกลุ่มงานต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต บก.ตอท. ได้รับรายงาน CyberTipline จำนวน 2 รายงาน พบคนร้ายมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับสื่อลามกอนาจารเด็ก

ทั้งนี้ ยังตรวจสอบพบพฤติกรรมล่อลวงให้วีดิโอคอลในลักษณะลามกอนาจารและแอบบันทึกหน้าจอและนำไปข่มขู่ว่าจะเผยแพร่คลิปดังกล่าว แลกกับการส่งคลิปใหม่ๆ

พล.ต.ต.จิระวัฒน์ พยุงธรรม รอง ผบช.ฯ รรท.ผบช.สอท. จึงสั่งการให้ พล.ต.ต.ชูศักดิ์ ขนาดนิด ผบก.ตอท., พ.ต.อ.ไพโรจน์ หมื่นกล้าหาญ รอง ผบก.ตอท., พ.ต.อ.สุวัฒน์ เกิดแก้ว รอง ผบก.ตอท., พ.ต.อ.รุ่งเลิศ คันธจันทร์ ผกก.กลุ่มงานต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต บก.ตอท. ให้รีบดำเนินการสืบสวน หาเจ้าของบัญชีโชเซียลมีเดียดังกล่าว

จากการสืบสวนทราบว่า คนร้ายพักอยู่ในพื้นที่ อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายค้น

ต่อมาวันที่ 22 พ.ย. 2567 พ.ต.ท.ธนพงศ์ธัช อ่อนชูเหมรัต, พ.ต.ท.เขมอธิษฐ์ ทองคำ สว.กลุ่มงานต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต บก.ตอท. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ได้ร่วมกันนำหมายค้นศาลจังหวัดสมุทรปราการ ที่ 1130/2567 ลง 21 พ.ย.67

เข้าตรวจค้นบ้านในจังหวัดสมุทรปราการ พบนายไชยวัฒน์ฯ อายุ 23 ปี นำตรวจค้นบ้าน พบของกลางเป็นโทรศัพท์มือถือจำนวน 1 เครื่อง และคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะจำนวน 1 เครื่อง

จากการตรวจสอบของกลางดังกล่าว พบบัญชีเฟซบุ๊กที่ใช้ในการโทรหาเหยื่อและใช้ข่มขู่ ตรวจสอบพบหมายเลขโทรศัพท์ ติดตั้งในเครื่องโทรศัพท์ ซึ่งตรงกับรายงาน CyberTipline ภายในของกลางที่ตรวจยึด พบสื่อลามกอนาจารของหญิงผู้เสียหายและเด็กหญิงอื่นอีกหลายราย

เบื้องต้น นายไชยวัฒน์ รับสารภาพทุกข้อกล่าวหา และให้การว่าตนได้รู้จักกับหญิงสาวผ่านแอปพลิเคชันหาคู่ ภายหลังจากคุยกันเพื่อทำความรู้จักจะให้เพิ่มเพื่อนผ่านเฟซบุ๊ก โดยจะคุยกันในเชิงชู้สาว หลังจากคุยกันจนเหยื่อไว้ใจ

มีการโทรแบบเห็นหน้าโดยต่างฝ่ายต่างโชว์ของลับให้กันดู จากนั้นจะทำการบันทึกวีดิโอหน้าจอไว้ เพื่อเก็บไว้ดูเองภายหลัง และนำไปข่มขู่เหยื่อให้ส่งภาพลับมาให้เพิ่มเติม

 

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาในฐานความผิด “ครอบครอง ส่งต่อ สื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น บังคับ ขู่เข็ญ ใช้ ชักจูง ยุยง ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กแสดงหรือกระทำการอันมีลักษณะลามกอนาจาร ไม่ว่าจะเป็นไปเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าตอบแทนหรือเพื่อการใด” นำตัวส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย