บกปภ.ช. คาด 22 ก.พ.นี้ ค่าฝุ่น PM 2.5 ขยับสูง จ่อหาแนวทางป้องกันฝุ่น ปี'69

บกปภ.ช. คาด 22 ก.พ.นี้ ค่าฝุ่น PM 2.5 ขยับสูง จ่อหาแนวทางป้องกันฝุ่น ปี'69

บกปภ.ช. เผยค่าฝุ่น PM2.5 โดยรวมอยู่ในเกณฑ์ดี คาด 22 ก.พ. นี้ ค่าฝุ่นขยับสูงขึ้นเล็กน้อย กำชับทุกภาคส่วนคุมเข้มมาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่น เตรียมหาแนวทางป้องกันฝุ่นปี 2569

วันนี้ (20 ก.พ. 68) ณ ห้องกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) อาคาร 3 ชั้น 5 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจัดประชุมกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เพื่อติดตามสถานการณ์และการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) โดยมีผู้บริหาร ปภ. และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมฯ กำชับหน่วยงานทุกภาคส่วนและจังหวัดดำเนินการตามมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ของกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติอย่างเคร่งครัด นำข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีเรื่องการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 มาใช้ในการทำงานทุกระดับ เน้นการเพิ่มความเข้มข้นการดำเนินมาตรการงดเผา การบังคับใช้กฎหมาย การบูรณาการทำงาน และการหาแนวทางการทำงานเชิงรุกเพื่อรับมือสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ในปี 2569 

นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะผู้อำนวยการกลาง/เลขานุการกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เปิดเผยว่า สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในวันนี้โดยภาพรวมยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี

พื้นที่ภาคใต้ส่วนใหญ่ค่าฝุ่นอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานในระดับสีฟ้าซึ่งแสดงให้เห็นว่าคุณภาพอากาศในพื้นที่ดีมาก

ส่วนภาคตะวันตก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ค่าฝุ่นขยับเพิ่มสูงขึ้นกว่าเมื่อวานเล็กน้อย

 

ด้านภาคเหนือสถานการณ์ฝุ่นดีขึ้นต่อเนื่อง ไม่พบพื้นที่ที่มีค่าฝุ่นเกินเกณฑ์มาตรฐานในระดับสีแดง และมีบางพื้นที่ที่ค่าฝุ่นกลับมาอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานระดับสีเขียว

โดยจังหวัดที่มีค่าฝุ่นเฉลี่ยสูงที่สุด 5 จังหวัดแรก ได้แก่ สระบุรี พิษณุโลก เชียงราย เชียงใหม่ และน่าน

ด้านจุดความร้อน (Hotspot) รวมทั้งประเทศอยู่ที่ 362 จุด ซึ่งลดลงจากเมื่อวานกว่า 1,000 จุด พื้นที่ที่พบจุดความร้อนสูงเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าอนุรักษ์ พื้นที่ สปก. และพื้นที่การเกษตรตามลำดับ

สำหรับพื้นที่ที่พบจุดความร้อนสูง 5 ลำดับแรก ได้แก่ จังหวัดตาก อุบลราชธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ และสกลนคร โดยภาพถ่ายจากดาวเทียมพบการกระจุกตัวของจุดความร้อนอย่างหนาแน่นบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

“วันนี้จำนวนจุดความร้อนลงลดกว่าเมื่อวานอย่างมีนัยยะสำคัญ ซึ่งต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องที่ปฏิบัติงานอย่างแข็งขันในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานดับไฟป่าภาคพื้นดินที่ทำงานอย่างเข้มแข็งเพื่อควบคุมไฟป่าไม่ให้ลุกลามและดับสนิท เป็นผลทำให้จุดความร้อนลดน้อยลงเป็นจำนวนมากในวันนี้

สำหรับการคาดการณ์สถานการณ์อากาศในห้วงถัดไป คาดว่าในช่วงวันเสาร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2568 ค่าฝุ่น PM 2.5 มีแนวโน้มสูงขึ้นเล็กน้อย เป็นผลมาจากการที่มวลอากาศเย็นได้พัดออกจากประเทศไทย อีกทั้งลมที่พัดผ่านมีกำลังน้อยลง ทำให้มีการระบายอากาศในอัตราที่ต่ำ โดยสถานการณ์ฝุ่นจะดีขึ้นอีกครั้งในวันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2568 เนื่องจากจะมีมวลอากาศเย็นแผ่เข้ามาปกคลุมประเทศไทย ทำให้หลายพื้นที่มีสภาพอากาศแปรปรวนและมีฝนตก โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ที่อาจมีฝนตกหนักมาก

นายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยในสุขภาวะอนามัยของประชาชน จึงได้มีข้อสั่งการเพิ่มเติมให้หน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพิ่มความเข้มข้นในการดำเนินการตามมาตรการของกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) เพื่อไม่ให้ค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด บังคับใช้มาตรการจัดการการลักลอบเผาป่าอย่างต่อเนื่องและดำเนินตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด บูรณาการทุกหน่วยงานในการควบคุมไฟป่า ทั้งการตรวจการณ์ การกลาดตระเวน การสนับสนุนทรัพยากรเครื่องจักรกลและกำลังพลในการปฏิบัติงาน รวมถึงงดรับซื้อสินค้าการเกษตรที่มีการเผา การควบคุม การจัดกิจกรรมและโครงการไม่ให้ก่อฝุ่นเกินเกณฑ์ที่กำหนด และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันหารือถอดบทเรียนและศึกษาแนวทางการดำเนินการเชิงรุกเพื่อเตรียมพร้อมป้องกันและรับมือสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในช่วงปลายปี 2568 – ต้นปี 2569” นายภาสกร อธิบดี ปภ. กล่าว 

ด้าน นายจำนง สวัสดิ์วงศ์ ผู้อำนวยการศูนย์บรรเทาสาธารณภัย ในฐานะประธานการประชุมกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ กล่าวว่า ขอให้ทุกหน่วยงานดำเนินการตามมาตรการทั้ง 6 ด้านของกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ และข้อสั่งการเพิ่มเติมของนายกรัฐมนตรีที่ให้ไว้เมื่อวานนี้อย่างจริงจัง โดยไม่ลืม การประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบการดำเนินงานของภาครัฐเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 รวมถึงจุดประสงค์และความจำเป็นในการเพิ่มความเข้มข้นในการทำงานและการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่ประชาชนและลดความขัดแข้งที่อาจเกิดขึ้นระหว่างประชาชนและภาครัฐ ควบคู่ไปกับการเผยแพร่องค์ความรู้เรื่องสาเหตุการเกิดฝุ่น PM2.5 ผลกระทบจาก PM 2.5 ที่มีต่อสุขภาพของประชาชน และวิธีการปฏิบัติอย่างถูกต้องปลอดภัยในช่วงที่สถานการณ์ฝุ่นมีความรุนแรง เพื่อให้ประชาชนเกิดความตระหนักรู้และหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้เกิดฝุ่น PM2.5 รวมถึงปฏิบัติตามคำแนะนำด้านสุขภาพอย่างเคร่งครัด

ในส่วนของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ดำเนินการตามมาตรการลดฝุ่น 6 ข้อ และข้อสั่งการของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด รวมถึงเตรียมพร้อมสรรพกำลัง เจ้าหน้าที่ และเครื่องจักรกลสาธารณภัย สนับสนุนจังหวัดที่มีสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่น PM 2.5 ในการควบคุมสถานการณ์ แก้ไขปัญหา และบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน ซึ่งปัจจุบันกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ร่วมกับกองทัพบก (ทบ.) ได้ส่งเฮลิคอปเตอร์ป้องกันและบรรเทา

สาธารณภัย KA-32 ไปประจำการ 2 พื้นที่หลัก คือ จุดที่ 1 ประจำการ ณ กองพลทหารราบที่ 7 จำนวน 1 ลำ เพื่อสนับสนุนปฏิบัติการดับไฟป่าในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ ร่วมกับกองทัพภาค 3 และจุดที่ 2 ประจำการ ณ เขื่อนศรีนครินทร์ จังหวัดกาญจนบุรี จำนวน 1 ลำ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจควบคุมไฟป่าในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี โดยผลการปฏิบัติการควบคุมไฟป่าของ KA-32 ภาพรวม (ข้อมูล ณ 17 ก.พ. 68) ได้ออกปฏิบัติการขึ้นบินทิ้งน้ำดับไฟป่า รวม 5 จังหวัด 15 เที่ยวบิน รอบทิ้งน้ำ 150 รอบ ปริมาณน้ำรวม 450,000 ลิตร 

ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจะติดตามสถานการณ์และรายงานข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ให้ประชาชนทราบเป็นระยะ ทาง Facebook กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และ X @DDPMNews หากประชาชนต้องการแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือ สามารถแจ้งเรื่องได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 หรือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” @1784DDPM ได้ตลอด 24 ชั่วโมง"