เบตง ยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยสูงสุด ตรวจสอบบุคคล-ยานพาหนะ เข้า-ออก
เบตงยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยสูงสุด ตรวจสอบบุคคล-ยานพาหนะเข้า-ออก ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมจัดชุดสายตรวจ ดูแลรักษาความปลอดภัยตามสถานีบริการน้ำมัน-ร้านสะดวกซื้อ ด้านผู้ประกอบการและประชาชนไม่เห็นด้วยกับตุความรุนแรง หนุนสันติภาพและคาดหวังความรุนแรงจะคลี่คลาย
เมื่อวันที่ 17 ส.ค. 65 หลังจากที่กลุ่มคนร้ายได้ก่อเหตุลอบวางระเบิดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายในสถานีบริการน้ำมันและร้านสะดวกซื้อ เมื่อช่วงเวลาหลังเที่ยงคืนที่ผ่านมา รวมกว่า 17 จุด ประกอบด้วย พื้นที่จังหวัดปัตตานี 2 จุด (อ.หนองจิก อ.ทุ่งยางแดง) จังหวัดยะลา 6 จุด (อ.เมือง อ.บันนังสตา อ.รามัน อ.ยะหา) จังหวัดนราธิวาส 9 จุด (อ.บาเจาะ อ.เจาะไอร้อง อ.ศรีสาคร อ.สุไหงโก-ลก อ.จะแนะ อ.รือเสาะ) ทำให้เกิดเพลิงไหม้ และทรัพย์สินได้รับความเสียหายหลายแห่ง ซึ่งเป็นการกระทำที่อุกอาจ จงใจสร้างความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน เจาะจงเลือกร้านสะดวกซื้อ ซึ่งเป็นสถานที่มีผู้คนมาซื้อของเป็นจำนวนมาก ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่งคง ได้คาดการณ์ว่า อาจจะเป็นการตอบโต้ของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ เนื่องจากภายหลังเดือนรอมฏอนที่ผ่านมา กลุ่มคนร้ายได้ก่อเหตุและพยายามสร้างสถานการณ์หลายเหตุการณ์ จนนำไปสู่การติดตามบังคับใช้กฎหมายเป็นเหตุให้คนร้ายเสียชีวิตหลายคน นอกจากนี้ยังสามารถควบคุมตัวกลุ่มคนร้ายและตรวจยึดวัตถุพยานได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งล่าสุดในช่วง 3 วันที่ ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง สามารถควบคุมตัวสมาชิกของกลุ่มผู้ก่อความที่ก่อเหตุลอบยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนเสียชีวิต และลอบวางเพลิง ได้จำนวน 3 ราย
ในส่วน พื้นที่ อ.เบตง จ.ยะลา ซึ่งเป็นพื้นที่การพัฒนาเศรษฐกิจในจังหวัดชายแดนภาคใต้ แม้จะไม่มีเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้นก็ตาม แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้มีการเฝ้าระวังป้องกันการก่อเหตุอย่างต่อเนื่อง โดย พ.ต.อ.เอกชัย พราหมณกุล ผกก.สภ.เบตง ได้สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ ตำรวจยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยสูงสุด ตรวจสอบบุคคล และยานพาหนะที่ เข้า-ออก เมืองเบตง ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมจัดชุดสายตรวจ ออกตรวจสอบและดูแลรักษาความปลอดภัยตามสถานีบริการน้ำมันและร้านสะดวกซื้อในพื้นที่ เพื่อสร้างความปลอดภัยและความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว พร้อมทั้งขอความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่ให้ช่วยกันเป็นหูเป็นตา สอดส่องดูแลบุคคลและวัตถุต้องสงสัย ป้องกันผู้ก่อความไม่สงบเข้ามาก่อเหตุการณ์รุนแรงในพื้นที่
ด้าน นางอำไพ กองวัฒนศิลป์ ผู้ประกอบการสถานีบริการน้ำมันและร้านสะดวกซื้อในพื้นที่ กล่าวว่า กรณีมีการลักลอบวางระเบิดสถานีบริการน้ำมันและร้านสะดวกซื้อเมื่อคืนที่ผ่านมา อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ การค้า การท่องเที่ยวของเมืองเบตง และอาจมีส่วนในการทำลายความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาเที่ยวเบตง ซึ่งเศรษฐกิจเมืองเบตงเพิ่งฟื้นตัวได้ไม่นานหลังจากที่มีการเปิดเมือง เปิดประเทศ จากวิกฤตโควิด 19 ที่ผ่านมา และต้องมาประสบปัญหาการก่อความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนใต้อีก จึงอยากให้เจ้าหน้าที่เร่งดำเนินการยุติความรุนแรงโดยเร็ว
เช่นเดียวกับนายวิจิตร ขำกลับ ชาวอำเภอเบตง กล่าวว่า ตนไม่เห็นด้วย กับการก่อเหตุความรุนแรงในพื้นที่ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่กำลังเติบโต และพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น ขอให้หยุดการก่อเหตุ ในทุกรูปแบบ เพราะประชาชนส่วนใหญ่ยังคงมีความหวังต่อสันติภาพและสนับสนุนให้มีการพูดคุยสันติสุข หนุนกระบวนการสันติภาพและคาดหวังความรุนแรงจะคลี่คลายในเร็ววัน