เงิน ชีวิต และความสุข | วรากรณ์ สามโกเศศ
เมื่อเห็นตัวเลขหนี้ครัวเรือนและปัญหาสังคม ที่เกิดจากการเป็นหนี้ ดังที่ปรากฏอยู่ในข่าวแล้ว คาดเดาได้ว่าสังคมไทยมีปัญหาของความสัมพันธ์ระหว่างการใช้เงินกับชีวิตและความสุข วันนี้จึงขอขยายเรื่องความสัมพันธ์ของสามเรื่องนี้เพื่ออาจช่วยสถานการณ์ได้บ้าง
ในปี 2564-2565 ยอดหนี้ครัวเรือนไทยทั้งประเทศมีขนาดเท่ากับประมาณร้อยละ 89 ของ GDP (รายได้ของคนทั้งประเทศรวมกันในเวลาหนึ่งปี) ซึ่งถือว่ามาก การมีหนี้นั้นไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย หากเป็นการเอาเงินในอนาคตมาใช้ในปัจจุบัน เพื่อให้เกิดประโยชน์แล้วจึงใช้คืนในภายหลัง
ธนาคารโลกระบุว่าหากหนี้ครัวเรือนเกินกว่าร้อยละ 70 แล้วอาจเป็นอันตรายต่อเศรษฐกิจได้ กล่าวคือถ้าเพียงแค่ปรับอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้นเพียงเล็กน้อยด้วยความจำเป็นในการดำเนินนโยบายการเงิน ประชาชนก็จะเดือดร้อน
และเรื่องเดือดร้อนนี้หมายถึงรายได้ที่จะใช้จ่ายได้ลดลง อำนาจซื้อของประเทศหายไป มีผลกระทบต่อการผลิต ต่อการประกอบธุรกิจ และกระทบต่อไปเป็นลูกโซ่
ในเรื่องความสัมพันธ์ของสามเรื่องดังกล่าวมีอยู่ 4 ประเด็นที่ควรเตือนใจ
ข้อ 1 เงินมิใช่ความสุขหรือจุดจบของทุกสิ่ง คนทั่วไปมักคิดว่าถ้าถูกหวยรางวัลที่หนึ่งสัก 5 ใบแล้วชีวิตก็จบแล้ว ร่ำรวยอยู่กินอย่างสบายไปตลอดชีวิต อย่าลืมว่าเงินไม่ใช่ตัวความสุข หากเงินเป็น “สะพาน” ไปสู่ความสุข ถ้ารู้จักหาเงินโดยเฉพาะอย่างยิ่งใช้เงินอย่างมีความรู้ มีศิลปะ และมีสติแล้ว เงินก็เป็น “สะพาน” ไปสู่ความสุขอย่างมั่นคงและยั่งยืน มีความสุขกายสุขใจ และมีชีวิตที่มีความสุขได้
ข้อ 2 เงินมิได้งอกอยู่บนต้นไม้ หรือหล่นจากฟ้าหรือขุดได้อย่างไม่รู้จบ หากได้มาด้วยความยากลำบาก (คนในชนบทนั้นรู้ดีว่าเงินสดแต่ละบาทนั้นหามาได้อย่างยากเย็นเพียงใด) ต้องผ่านการทำงานของแต่ละอาชีพอย่างหนัก ยิ่งมีเหตุการณ์ผันผวนที่กระทบต่อการทำมาหากินเพียงใด ปากท้องก็จะถูกกระทบเพียงนั้น
สุภาษิตจีนบอกว่า “กระรอกต้องมีหลายโพรง” ดังนั้น มุนษย์ต้องพยายามพัฒนาตนเองให้มีความสามารถในการประกอบหลายอาชีพเพื่อเป็นความคล่องตัวของการหารายได้ วิธีการมองโลกที่อยู่บนความจริงมิได้อยู่บนความเพ้อฝันว่าจะร่ำรวยจากการพนัน จากหวย (การพนันตัวสำคัญ) จากโชค จากการที่คนอื่นให้ จะทำให้ร่ำรวยได้อย่างแท้จริง
ข้อ 3 ถึงแม้จะมีรายได้สม่ำเสมอ มีอาชีพที่ดีมั่นคง แต่ถ้าใช้จ่ายไม่เป็นแล้ว “สะพานเงิน” ก็ไม่ช่วยให้มีชีวิตที่ดีและมีความสุขได้อย่างแน่นอน ถ้าแม้นมีเงินยิ่งมากก็ยิ่งมีความสุขมากแล้ว เศรษฐีทุกคนก็จะมีความสุขกันทั่วหน้าบนโลกใบนี้
แต่ในความเป็นจริงเราเห็นเศรษฐีจำนวนมากมีปัญหาเกี่ยวกับการใช้จ่ายเงินไม่เป็นจนเป็นเศรษฐีแบบสายฟ้าแลบ มีปัญหาเกี่ยวกับการสูญเสียอันเนื่องจากสุขภาพของตนเองหรือของคนที่รัก มีปัญหาจากการใช้ชีวิตในด้านอื่น ๆ จนหาความสุขไม่ได้
รูปแบบการใช้จ่ายเงินที่จะกล่าวต่อไปนี้ คนทั่วไปในโลกได้ยอมรับว่า เป็นหนทางที่นำไปสู่การสร้างรายได้ที่มั่นคงในอนาคต ลองจินตนาการถังน้ำใบหนึ่งที่มีรูให้น้ำไหลออก และมีก๊อกให้น้ำไหลเข้า
รายได้คือน้ำที่ไหลเข้า รายจ่ายคือน้ำที่ไหลออก ถ้ามีรายได้มาก และใช้จ่ายน้อย หรือมีรายได้ไม่มากแต่ใช้จ่ายยิ่งน้อยก็จะทำให้มีน้ำเหลือในถังในช่วงเวลาหนึ่ง เช่น ในหนึ่งเดือนหรือหนึ่งปี น้ำที่เหลืออยู่ในถังนี้ก็คือเงินออม
ถ้านำเงินออมนี้ไปทำให้เกิดดอกผลขึ้นด้วยการลงทุนในตนเองหรือคนในครอบครัวหรือทำให้เกิดเป็นดอกเบี้ย ค่าเช่า เงินปันผล กำไรจากมูลค่า/ทรัพย์สินเพิ่มขึ้น ฯลฯ ก็จะกลายเป็นรายได้อีกทางหนึ่งที่ได้มาโดยไม่ต้องออกแรงในช่วงเวลาต่อไป
เปรียบเสมือนเป็นก๊อกน้ำที่สองที่มีน้ำไหลเข้าถัง และน้ำก๊อกสองนี้จะไหลแรงยิ่งขึ้น ถ้าในช่วงเวลาต่อไปก็มีน้ำเหลือในถังอีกและนำไปลงทุนแปรเป็นทรัพย์สินที่เกิดรายได้อีกอย่างต่อเนื่องไป ทั้งหมดก็จะเกิดความมั่งคั่งอย่างยั่งยืน ถึงแม้จะไม่มีแรงทำงานก็มีรายได้
ประเด็นสำคัญอยู่ที่ทำอย่างไรจึงจะมีน้ำเหลือในถัง ข้อแนะนำก็คือท่องคาถา “จงอยู่กินต่ำกว่าฐานะ” ถึงมีรายได้พอจะอยู่กินตามเงินที่มีได้แต่ก็อยู่กินต่ำกว่าจนมีเงินเหลือเก็บและนำไปแปรเป็นทรัพย์สินสร้างรายได้อีกทางดังกล่าว สภาวการณ์อย่างนี้เขาเรียกว่า “จนเพื่อรวย”
กล่าวคือยอมจนในวันนี้เพื่อรวยในวันหน้า กล่าวคือยอมลำบากในวันนี้เพื่อมีเงินให้ใช้ในวันหน้าและในวันที่ไม่มีแรงทำงาน ถ้าไม่มีเงินออมเลยและแถมกู้ยืมมาใช้อยู่ร่ำไปอีก อย่างนี้เขาเรียกว่า “รวยเพื่อจน”
ข้อ 4 ถึงแม้ว่าจะมีวินัยการใช้เงิน มีการอดกลั้นอดออมอย่างดีจนเกิดรูปแบบการใช้จ่ายเงินในประเด็นที่สามแล้วก็ตามก็ใช่ว่าจะเกิดความสุขในชีวิตได้ เพราะชีวิตนั้นมี “ระเบิดเวลา” อยู่หลายลูกจนสามารถทำลายรูปแบบข้างต้นในเวลาใดก็ได้ หรือทำให้ไม่เกิดรูปแบบที่พึงปรารถนาขึ้นเลย
“ระเบิดเวลา” เหล่านี้ก็คือการหลงใหลในความเย้ายวนและลุ่มหลงในชีวิตอันได้แก่ การพนัน ยาเสพติด เหล้า เรื่องเพศ คบ “คนพาล” มีสิ่งแวดล้อมในชีวิตที่เป็นพิษ “การไร้หางเสือ” ของการดำเนินชีวิต ฯลฯ
“ระเบิดเวลา” เหล่านี้สามารถทำลายชีวิตคนรวยขนาดไหนได้ตลอดเวลา การพนันสามารถละลายเงินเป็นพันเป็นหมื่นล้านได้ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง การมีอาชีพที่ล่อแหลมและคบค้าคนไม่ดีคือสิ่งแวดล้อมของชีวิตที่เป็นอันตรายที่สุดเพราะสามารถชักนำไปสู่สารพัดปัญหาได้เสมอ การคบ “คนพาล” ทำให้จิตใจหมกมุ่นอยู่กับสิ่งเลวร้าย และชักนำให้ชีวิตตกต่ำได้ง่ายที่สุด
การมีเงินและมีชีวิตที่มีความสุขนั้นมิใช่เป็นเรื่องง่าย เพียงแต่การใช้เงินเพื่อช่วยให้เงินที่ตนเองได้รับนั้นงอกเงยก็ยากแล้ว ยิ่งรักษาให้อยู่ตลอดไปนั้นยากยิ่งขึ้น การใช้เงินในรูปแบบที่เหมาะสมและเอาชนะ “ระเบิดเวลา” ได้นั้นมาจากการมีสติอยู่กับตัวเสมอ และมี “หางเสือ” ในการดำเนินชีวิต.