คนขึ้นตาลเฮ หลังน้ำตาลราคาดีส่งผลให้มีรายได้เพิ่ม

ที่โรงเคี่ยวน้ำตาลโตนด หมู่ที่ 7 ต.กระดังงา อ.สทิงพระ จ.สงขลา นายสงบ จินดารา อายุ 58 ปี ซึ่งยึดอาชีพขึ้นตาลโตนดเลี้ยงดูครอบครัวมากว่า 20 ปี ในทุกๆ วัน ยังคงออกไปขึ้นตาลโตนดวันละสองรอบเช้าเย็น ในช่วงนี้ เป็นช่วงฤดูกาลของตาลโตนดที่ให้ลูกตาลและน้ำตาลมาก ทำให้มีงานทำมากขึ้นและมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยขึ้นเก็บน้ำตาลวันละ 40 ต้น เช้า 20 ต้น เย็น 20 ต้น มีรายได้วันละประมาณ 700 บาท เพราะน้ำตาลปี๊บราคาดี ทำให้คนขึ้นตาลไม่ว่างและไม่มีวันหยุด แม้ว่าจะมีอายุมากและเป็นอาชีพเสี่ยงภัยบนที่สูงอย่างไม่มีประกันก็ตาม

สำหรับ นายสงบ จินดารา คนขึ้นตาล ก่อนและหลังขึ้นตาลจะต้องปฏิบัติก็คือ การลับมีดให้มีความคมอยู่ตลอดเวลาทั้งก่อนใช้งานและหลังใช้งาน เนื่องจากมีดปลายแหลมหรือที่เรียกกันว่ามีดปาดตาล เป็นอุปกรณ์หลักที่จำเป็นต้องใช้และจะต้องมีความคมมากราวกับใบมีดโกน หลังจากนั้น ก็นำกระบอกไม้ไผ่รองน้ำตาลจากงวงตาลใส่คานหาบ เดินลัดทุ่งนาไปเก็บน้ำตาล โดยปีนป่ายขึ้นต้นตาลไปอยู่บนยอดตาลอย่างชำนาญ แม้จะอายุมาก ที่เอวของคนขึ้นตาลต้องเหน็บมีดปลายแหลมและห้อยด้วยกระบอกไม้ไผ่รองน้ำตาลสองสามกระบอกขึ้นไปด้วย

โดยนำกระบอกไม้ไผ่ที่ติดตัวขึ้นไปเปลี่ยนกับกระบอกเก่าที่ลองไว้ตั้งแต่ตอนเย็นและใช้มีดปาดตาลเฉือนตัดจั่นตาลเข้ามาอีกเท่าความหนาของใบมีด เพื่อให้น้ำตาลหยดใช้เท้าเหยียบจั่นตาลเพื่อหนวดจั่นตาล ก่อนที่จะใช้มีดเปิดแผลที่ปลายจั่น เพื่อรองน้ำตาลด้วยกระบอกต่อไป

หลังจากนั้น ก็จะนำกระบอกน้ำตาลที่มีน้ำตาล หย่อนเชือกลงมาห้อยไว้บริเวณโคนต้น บางแห่งต้นตาลโดนดอยู่ใกล้ชิดกัน 2 – 3 ต้น คนขึ้นตาลจะใช้ความสามารถปีนข้ามไปเก็บน้ำตาลต่อเนื่องกันไปโดยไม่ต้องลงมาขึ้นต้นใหม่

สำหรับอาชีพขึ้นตาลในจังหวัดสงขลา ใน 1 ปีจะทำได้แค่ 8 -9 เดือนเท่านั้น ตั้งแต่เดือนมกราคม- กันยายน เพราะในช่วงปลายฤดูกาลไม่มีน้ำตาล อีกทั้งช่วงปลายปีทางภาคใต้จะเข้าฤดูมรสุม ฝนตกทำไม่ได้ นายสงบฯ ยอมรับว่า อาชีพขึ้นตาลแม้จะเป็นอาชีพที่ค่อนข้างอันตราย แต่จะยังคงยึดอาชีพนี้ต่อไปจนกว่าจะหมดแรง เนื่องจากคนรุ่นใหม่หันไปยึดอาชีพอื่นที่สบาย และอันตรายน้อยกว่า แต่ก็ภูมิใจเพราะเป็นอาชีพดั้งเดิมของบรรพบุรุษที่สืบต่อกันมา