ฉีดสารเติมเต็มที่ปาก VS ผ่าตัดปาก เลือกแบบไหนดี?
ใครลังเล ไม่รู้จะเลือกปรับรูปทรงปากด้วยวิธีไหนดี ระหว่าง "การฉีดสารเติมเต็มที่ปาก" กับ "การผ่าตัดปาก" ลองอ่านบทความนี้แล้วนำข้อมูลไปเปรียบเทียบเพื่อประกอบการตัดสินใจกัน
สาวๆ หลายคน คงพอได้ยินและหาข้อมูลเรื่องการปรับรูปทรงปากให้มีความเหมาะสมด้วยสารเติมเต็ม หรือโปรแกรมฉีด ฟิลเลอร์ปาก กันมาไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะคนที่มีริมฝีปากบาง ทาลิปแล้วตกร่อง หรือต้องการเติมปากให้ดูอิ่ม เป็นทรงที่เข้ากับใบหน้ามากขึ้น ช่วยให้ขอบปากดูชัดขึ้น แต่ยังมีความลังเลอยู่ว่าจะผ่าตัดหรือฉีดสารเติมเต็มดี วันนี้ลองมาดูข้อมูลการเปรียบเทียบเพื่อนำไปประกอบการตัดสินใจกัน
- การฉีดสารเติมเต็มที่ริมฝีปาก คืออะไร?
การฉีดสารเติมเต็มที่ริมฝีปากคือ การใช้สารไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid : HA) ซึ่งเป็นสารเติมเต็มที่มีคุณสมบัติอุ้มน้ำ เพื่อปรับขนาดริมฝีปากให้ดูอิ่มขึ้น และช่วยลดปัญหาริมฝีปากบาง ปากเป็นร่อง ให้เป็นรูปทรงที่พึงพอใจ นอกจากนั้น สารเติมเต็มชนิด Hyaluronic Acid : HA ยังช่วยให้ริมฝีปากมีความชุ่มชื้นอีกด้วย
- รูปทรงปากที่เหมาะกับคนไทย
เทรนด์ทรงปากที่สาวๆ นิยมในขณะนี้คือ ปากสายฝอ หรือปากหนาแบบตะวันตก แต่ปัญหาส่วนใหญ่ที่พบบ่อยคือ ฝรั่งจะมีโครงหน้าที่ชัดกว่าคนไทย ไม่ว่าจะเป็น คิ้ว ตา จมูก ดังนั้น สำหรับบางคน แพทย์อาจจะมีการแนะนำให้ฉีดสารเติมเต็มที่ริมฝีปาก โดยเลือกรูปทรงที่เข้ากับใบหน้าของคนเอเชียมากกว่าอย่าง ปากสายเกา (เกาหลี) และปากรูปทรงกระจับ
- การฉีดสารเติมเต็มที่ริมฝีปาก VS ผ่าตัดปาก
การฉีดสาร Hyaluronic Acid ที่ริมฝีปาก กับการผ่าตัดปาก มีข้อดี-ข้อเสียที่แตกต่างกันคือ การฉีดสารเติมเต็มที่ริมฝีปาก จะเน้นให้ริมฝีปากดูอิ่ม เป็นทรงตามที่ชอบ โดยไม่ต้องพักฟื้นหลังทำหัตถการ ไม่ต้องเสี่ยงกับรอยแผลเป็นที่อาจเกิดขึ้น แต่จะอยู่ได้ไม่ถาวร
ส่วนการผ่าตัดปาก จะทำให้รูปปากอยู่ได้นาน แต่หากไม่ชอบทรง สามารถเปลี่ยนแปลงได้ยาก และอาจมีความเสี่ยงจากการผ่าตัดผิดพลาดหากแพทย์ไม่มีประสบการณ์ นอกจากนี้ยังต้องลุ้นกับรอยแผลเป็นอีกด้วย
- ใครบ้างที่ควรฉีดสารเติมเต็มที่ริมฝีปาก
- เหมาะกับคนที่ริมผีปากแห้ง ขาดความชุ่มชื้น
- เหมาะกับคนที่ริบฝีปากมีริ้วรอย ทาลิปสติกตกร่อง
- เหมาะกับคนที่ริวฝีปากลอกเป็นขุย
- เหมาะกับคนที่ปากคว่ำ มุมปากตก ทำให้หน้าดูบึ้ง
- การฉีดสารเติมเต็มที่ริมฝีปากเจ็บไหม?
ก่อนฉีดสาร Hyaluronic Acid ทุกครั้ง แพทย์จะทายาชาทิ้งไว้ประมาน 30-40 นาที แล้วทำการฉีดยาชาซ้ำอีกที หลังจากยาชาออกฤทธิ์แล้ว แพทย์จะทำการฉีดสารเติมเต็มที่ปาก ในระหว่างการทำหัตถการจึงไม่มีอาการเจ็บมาก แต่อาจจะมีความรู้สึกเล็กน้อยในขณะที่ฉีดยาชาเท่านั้น
- ขั้นตอนของการฉีดสารเติมเต็มที่ริมฝีปาก
- แพทย์จะประเมินรูปปากก่อนที่จะทำการฉีดสารเติมเต็ม
- แพทย์จะทายาชาแบบครีมทิ้งไว้ประมาน 30-40 นาที
- แพทย์ทำการฉีดสารเติมเต็มตามความเหมาะสมของรูปทรงปากของแต่ละคน
- ข้อดีของการฉีดสารเติมเต็มที่ริมฝีปาก
- ไม่ต้องเสียเวลานอนพักฟื้น หากไม่พอใจผลลัพธ์ สามารถให้แพทย์ที่มีประสบการณ์ปรับแต่งทรงตามความพึงพอใจ หรือฉีดสลายสาร Hyaluronic Acid ได้
- สามารถลดปัญหาปากที่ไม่สมดุลได้
- ช่วยให้ทาลิปสติกแบบไม่ตกร่อง
- หลังฉีดมีเพียงรอยแดงจากเข็ม และจะจางหายไปใน 2-3 วัน
- ข้อเสียของการฉีดสารเติมเต็มที่ริมฝีปาก
- สารเติมเต็มที่ฉีดเข้าไปจะถูกร่างกายเผาผลาญ จำเป็นต้องทำอยู่บ่อยครั้ง
- มีความอันตราย หากฉีดกับแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์
- การฉีดสาร Hyaluronic Acid ที่ริมฝีปาก มีผลข้างเคียงไหม?
สำหรับการฉีดสารเติมเต็มริมฝีปากโดยใช้ Hyaluronic Acid : HA ของแท้ จะมีผลข้างเคียงที่สามารถพบได้ปกติทั่วไปคือ จะมีอาการบวมแดงจากรอยเข็มซึ่งเป็นเรื่องปกติ จากนั้นจะหายไปได้เอง 2-3 วัน
- หลังฉีดสารเติมเต็มที่ริมฝีปากแล้ว สามารถทาลิปได้เลยไหม?
หลังฉีดสารเติมเต็มที่ริมฝีปาก 12 ชั่วโมงแรก ควรงดการทาลิปสติกก่อน เพื่อให้รอยเต็มต่างๆ ปิดได้อย่างสนิท และป้องกันการอักเสบหรือติดเชื้อ หลังจากนั้นสามารถทาลิปได้ปกติ แต่อาจจะมีรอยเข็มเล็กๆ ซึ่งสามารถทากลบไปได้เลย
- การฉีดสารเติมเต็มริมฝีปากแล้วเป็นก้อน เกิดจากอะไร?
กรณีที่ฉีดสารเติมเต็มแล้วเป็นก้อน อาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้
- ถ้าเป็นก้อนในช่วงแรก อาจเป็นอาการบวมหลังฉีด ซึ่งเป็นอาการปกติที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน สามารถหายได้เองใน 2-3 วัน
- มีอาการบวมแข็งเป็นก้อนจากการอักเสบ อาจเกิดจากการฉีดสารเติมเต็มที่ไม่ได้มาตรฐาน
- มีอาการบวมเป็นก้อนจากแพทย์ฉีดผิดตำแหน่ง เนื่องจากไม่มีประสบการณ์และความชำนาญ
- สรุปการฉีดสารเติมเต็มริมฝีปากอย่างไรให้มีผลข้างเคียงน้อยที่สุด
สำหรับใครที่กำลังหาข้อมูลและกำลังจะตัดสินใจ ฉีดสารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid นั้น ควรเลือกทำกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพราะริมฝีปากเป็นส่วนที่ละเอียดอ่อนมาก จะต้องประเมินปริมาณของสารเติมเต็มให้เหมาะสม และเลือกทรงให้เข้ากับเข้ากับรูปหน้า
ขอบคุณบทความ และแหล่งที่มาจากเว็บไซต์ กังนัมคลินิก สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊ก GangnamClinic และ Line @gangnamclinic