เซฟ เฟอร์ทิลิตี้ กรุ๊ป โชว์ศักยภาพการบริการทางการแพทย์เพื่อการมีบุตรยาก

เซฟ เฟอร์ทิลิตี้ กรุ๊ป โชว์ศักยภาพการบริการทางการแพทย์เพื่อการมีบุตรยาก

"เซฟ เฟอร์ทิลิตี้ กรุ๊ป" โชว์ศักยภาพการให้บริการทางการแพทย์เพื่อการมีบุตร มุ่งสู่ผู้นำระดับภูมิภาคเอเชียขานรับประเทศไทยเป็นเดสติเนชันของผู้มีบุตรยาก

บมจ. เซฟ เฟอร์ทิลิตี้ กรุ๊ป หรือ SAFE โชว์ศักยภาพผู้นำให้บริการทางการแพทย์เพื่อการมีบุตร ชูประสบการณ์ธุรกิจกว่า 15 ปี ด้วยอัตราความสำเร็จในการตั้งครรภ์เฉลี่ยสูงถึง 75% และผู้นำด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ และห้องปฏิบัติทางด้านพันธุศาสตร์ในไทย ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ก้าวสู่ผู้นำด้านการรักษาภาวะมีบุตรยาก ด้านวินิจฉัยพันธุกรรมตัวอ่อนและเวลเนสในภูมิภาคเอเชีย ขานรับไทยเป็นเดสติเนชันเติมเต็มความฝันของผู้มีบุตรยากจากภูมิภาคเอเชียและทั่วโลก

นพ.วิวัฒน์ กว้างคณานุรักษ์ แพทย์ผู้ชำนาญการด้านการรักษาผู้มีบุตรยากด้วยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธ์ทางการแพทย์ ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซฟ เฟอร์ทิลิตี้ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SAFE เผยว่า กลุ่มบริษัทฯ เป็นผู้ให้บริการศูนย์การแพทย์เฉพาะทางเพื่อการมีบุตร ภายใต้ชื่อ ศูนย์การแพทย์เพื่อการมีบุตร เซฟ เฟอร์ทิลิตี้ เซ็นเตอร์ โดยเป็นศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากที่ให้บริการในไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการให้บริการด้านการเจริญพันธ์ในระดับสากล และได้รับการรับรองมาตรฐานคลินิกเด็กหลอดแก้ว จากสถาบัน RTAC โดยให้บริการตั้งแต่ให้คำแนะนำ คำปรึกษา ตลอดจนให้การรักษาแก่ผู้ที่มีบุตรยากและการเพาะเลี้ยงตัวอ่อนแบบพิเศษ การแช่แข็งไข่ ฝากไข่ อสุจิ และตัวอ่อน เพื่อโอกาสในการเติมเต็มความฝันของการมีบุตรในอนาคต พร้อมผู้ดูแลลูกค้าส่วนบุคคล สามารถสื่อสารได้หลากหลายภาษา คอยดูแลช่วยเหลือตลอดกระบวนการอย่างอบอุ่นและใกล้ชิด 

กลุ่มบริษัทฯ ได้นำเครื่องมือทางการแพทย์และเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาให้บริการแก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เช่นในปี 2555 ได้นำตู้เลี้ยงตัวอ่อนรุ่นใหม่มาใช้ เพื่อใช้ในการติดตามพัฒนาการของตัวอ่อน และปี 2557 มีการนำเทคโนโลยีคัดกรองโครโมโซมตัวอ่อนทั้ง 24 โครโมโซมมาใช้ อีกทั้งยังได้มีการนำเข้าเทคโนโลยีการตรวจคัดกรองความผิดปกติของโครโมโซมทารกในครรภ์ และในปี 2562 ได้นำเทคโนโลยีฟื้นฟูรังไข่เข้ามา เป็นต้น

ปัจจุบัน บริษัทฯ มี 2 บริษัทย่อย ซึ่งถือหุ้นสัดส่วนร้อยละ 99.99 และร้อยละ 80 ตามลำดับ ได้แก่

  1. บริษัท เน็กเจนเนอร์เรชั่น จีโนมิค จำกัด (NGG) ดำเนินธุรกิจด้านการตรวจวินิจฉัยพันธุกรรมตัวอ่อนและทารกในครรภ์และการให้บริการด้านห้องปฏิบัติการทางด้านพันธุศาสตร์ต่างๆ เพื่อสนับสนุนธุรกิจของบริษัทฯ รวมถึงให้บริการแก่ลูกค้าภายนอกด้วย อาทิ จากโรงพยาบาลชั้นนำ และคลินิกสูตินรีเวช และศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากในประเทศไทย
  2. บริษัท เซฟ เวลเนส จำกัด (SWC) ดำเนินธุรกิจให้บริการด้านผิวหนังและความงามภายใต้ชื่อ เดอะฟาวเทน เวลเนส เซ็นเตอร์ (The Fountain Wellness Center) ให้บริการลูกค้าตั้งแต่ก่อนและหลังมีบุตร

ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทฯ ให้บริการรักษาผู้มีบุตรยากด้วยวิธีต่างๆ ดังนี้ 1) การรักษาภาวะมีบุตรยากด้วยวิธี IUI  2) การรักษาภาวะมีบุตรยากด้วยวิธี ICSI 3) การย้ายตัวอ่อนกลับเข้าสู่โพรงมดลูก 4) บริการแช่แข็งเก็บรักษาเซลล์ไข่ อสุจิ และตัวอ่อน 5) การเก็บอสุจิ ด้วยวิธี TESE 6) เทคโนโลยีคัดอสุจิด้วยวิธี IMSI และ 7) การคัดกรองอสุจิด้วยวิธี MACs Sperm โดยให้บริการผ่านสาขาทั้ง 5 แห่ง ได้แก่ สาขาอัมรินทร์ พลาซ่า, รามอินทรา ภูเก็ต, ขอนแก่น และศรีราชา ลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงมีช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซฟ เฟอร์ทิลิตี้ กรุ๊ป กล่าวเพิ่มเติมว่า ไทยถือเป็นเดสติเนชันเติมเต็มความฝันของผู้มีบุตรยากจากภูมิภาคเอเชีย และจากทั่วโลก เนื่องจากมีความได้เปรียบในหลายประการ อาทิ มาตรฐานการรักษา ความสะอาดและความปลอดภัยจาก Covid-19 การเชื่อมต่อดิจิทัลที่ช่วยเพิ่มความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยว ฯลฯ รวมถึงมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านต่างๆ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูง ไทย-จีน ที่คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 2569 เป็นต้น รวมถึงการมีนโยบายที่ค่อนข้างยืดหยุ่นและดึงดูดชาวต่างชาติ อาทิ นักท่องเที่ยวที่ต้องการเข้ามารับการรักษาในประเทศไทยสามารถอยู่อาศัยได้นานถึง 90 วัน รวมถึงค่ารักษาที่ต่ำกว่าประเทศอื่นๆ ภายใต้มาตรฐานระดับเดียวกัน ฯลฯ 

กลุ่มบริษัทฯ จึงได้ใช้ศักยภาพของกลุ่มบริษัทฯ ที่เป็นผู้นำด้านการให้บริการศูนย์การแพทย์เพื่อการมีบุตรครบวงจรที่มีแพทย์และบุคลากรที่มีความชำนาญการและประสบการณ์เฉลี่ยมากกว่า 15 ปี รวมถึงนักวิทยาศาสตร์เพาะเลี้ยงตัวอ่อนที่มีประสบการณ์มากว่า 10 ปี ในการรักษาและการคัดเลือกเทคโนโลยี ด้วยอัตราความสำเร็จของการตั้งครรภ์เฉลี่ยสูงถึงร้อยละ 75 ซึ่งในปี 2563 ถึงไตรมาสที่ 1 ปี 2566 มีอัตราความสำเร็จในการตั้งครรภ์ เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 47.5 เป็นร้อยละ 71.6 กรณีไม่ได้ตรวจพันธุกรรมตัวอ่อน และร้อยละ 63.5 เป็นร้อยละ 77.2 กรณีเพิ่มบริการตรวจพันธุกรรมตัวอ่อน 

นอกจากนี้ รูปแบบทางธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ ยังเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกันที่จะผลักดันให้กลุ่มบริษัทฯ เติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยรูปแบบการให้บริการแบบ Integrated Full Service สำหรับศูนย์การแพทย์เพื่อการมีบุตรที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการให้บริการด้านการเจริญพันธ์ในระดับสากล รวมทั้งมีสาขาตามสถานที่สำคัญๆ รวม 5 สาขา มีเครือข่ายความสัมพันธ์ที่ดีกับโรงพยาบาล คลินิกสูตินรีเวช ศูนย์การแพทย์เพื่อการมีบุตร ห้องปฏิบัติการ และบุคลากรทางการแพทย์ การเป็นผู้นำในการจัดกิจกรรมเพื่อฝึกอบรมให้แก่นักวิทยาศาสตร์ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เช่น อินเดีย มาเลเซีย สิงคโปร์ เป็นต้น ได้รับความไว้วางใจในการรักษาผู้มีบุตรยากที่เป็นชาวต่างชาติถึง 2,483 ราย อาทิ จีน อินเดีย เมียนมา เวียดนาม สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ฯลฯ