ททท.เปิดงาน 'สีสันแห่งสายน้ำ มหกรรมลอยกระทง' งาน 'ลอยกระทง' ที่สวยสุดในกรุง
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ชวนสืบสานวัฒนธรรมไทยกับเทศกาล “สีสันแห่งสายน้ำ มหกรรมลอยกระทง” ณ คลองผดุงกรุงเกษม กรุงเทพมหานคร
ปีนี้ ททท. เนรมิตบรรยากาศแห่งความสุขรับประเพณีลอยกระทง เน้นย้ำความสุขและความงดงามของวิถีไทย พร้อมส่งเสริมการท่องเที่ยวเส้นทางคลองในเมืองหลวงให้กลับมามีชีวิตชีวา โดยแต่งแต้มสีสันคลองผดุงกรุงเกษมในคืนวันเพ็ญ ภายใต้แนวคิด “Moonlight Reflection Loi Krathong Along the Canal” จัดเต็มไฮไลต์การแสดงแสงเสียง “Lighting Illumination Show” ผ่านกระทงประดับไฟ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของงานประเพณี 5 พื้นที่เอกลักษณ์
ได้แก่ โคมล้านนา สัญลักษณ์ของประเพณียี่เป็ง จังหวัดเชียงใหม่, กระทงใบลาน สัญลักษณ์ของประเพณีเผาเทียน เล่นไฟ จังหวัดสุโขทัย, กระทงจากกะลามะพร้าว สัญลักษณ์ของประเพณีลอยกระทงสายไหลประทีป 1,000 ดวง จังหวัดตาก, กระทงกาบกล้วย สัญลักษณ์ของประเพณีลอยกระทงกาบกล้วย จังหวัดสมุทรสงคราม และกระทงรวงข้าว สัญลักษณ์ของประเพณีสมมาน้ำคืนเพ็ง เส็งประทีป จังหวัดร้อยเอ็ด และกิจกรรมต่างๆ ที่สร้างการรับรู้ถึงคุณค่าของประเพณีไทย เช่น การแสดงทางวัฒนธรรม กิจกรรมสาธิตอาหารชาววังและกระทงเอกลักษณ์ 5 พื้นที่ รวมทั้งตลาดย้อนยุครัตนโกสินทร์จัดจำหน่ายอาหารไทยให้ได้เลือกซื้ออย่างเพลิดเพลิน และพบกับพิธีเฉลิมฉลองประเพณีลอยกระทง ขบวนแห่ประเพณีลอยกระทง โดย แอนนา เสืองามเอี่ยม Miss Universe Thailand 2022 แต่งกายชุดนางนพมาศ ร่วมขบวนด้วย
สำหรับพิธีเปิด “สีสันแห่งสายน้ำ มหกรรมลอยกระทง” ในวันนี้ (25 พฤศจิกายน 2566) สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในพิธี พร้อมกันนี้ อภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.), วรนุช ภู่อิ่ม รองปลัดกระทรวงการคลังและคณะกรรมการ ททท., กิตติ พรศิวะกิจ ผู้แทนสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมด้วยทูตานุทูตหลายประเทศให้เกียรติเข้าร่วมงาน โดยตลอดระยะเวลาจัดงาน หวังสร้างรายได้พื้นที่กรุงเทพฯ 1,215 ล้านบาท
สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายต่อเนื่องในการส่งเสริม Soft Power และอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของไทยให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก โดยเฉพาะการตั้งเป้าหมายว่าประเทศไทยจะต้องเป็นผู้นำในด้านเฟสติวัลของโลก กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และ ททท. ขานรับนโยบายดังกล่าว และได้ Kick off กิจกรรมสำคัญ ภายใต้ Thailand Winter Festival “งานสีสันแห่งสายน้ำ มหกรรมลอยกระทง” ปี 2566 ในวันที่ 24-28 พฤศจิกายน 2566 ณ คลองผดุงกรุงเกษม ย่านหัวลำโพง กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นเทศกาลแรกในฤดูกาลท่องเที่ยวและเป็นช่วงเวลาที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนประเทศไทยจำนวนมาก ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ คาดว่าจะมีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย 299,730 คน-ครั้ง และรายได้ทางการท่องเที่ยว 1,215 ล้านบาท
เทศกาลลอยกระทงปีนี้ ททท. ตั้งใจส่งมอบประสบการณ์ Amazing Experience ที่มีคุณค่าและความหมายแก่นักท่องเที่ยว พร้อมส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเพณีลอยกระทงมิติใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ตามแนวคิดการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบสู่ความยั่งยืน (Sustainable Tourism) จึงรณรงค์ให้นักท่องเที่ยวเลือกใช้กระทงจากวัสดุธรรมชาติ 1 ครอบครัว 1 กระทง เพื่อลดปริมาณกระทงในช่วงเทศกาล รวมทั้งภายในพื้นที่จัดงานมีการบริหารจัดการขยะจากกระทง และให้นักท่องเที่ยวร่วมสืบสานประเพณีไทยที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมผ่านกิจกรรม DIY ประดิษฐ์กระทงจากวัสดุธรรมชาติ เช่น กระทงกะลามะพร้าว กระทงใบลาน กระทงกาบกล้วย
นอกจากนี้ ททท. ยังได้สนับสนุนและประชาสัมพันธ์การจัดงานประเพณีลอยกระทง 5 พื้นที่อัตลักษณ์ทั่วประเทศ ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ สุโขทัย ตาก สมุทรสงคราม และร้อยเอ็ด ทั้งได้ให้ความร่วมมือของภาคเอกชนร่วมจัดงานในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ได้แก่ ICONSIAM CHAO PHRAYA RIVER OF ETERNAL PROSPERITY ลอยกระทงบนสายน้ำแห่งความเจริญรุ่งเรือง และงาน Bangkok River Festival 2023 สายน้ำแห่งวัฒนธรรมไทย ณ 10 พื้นที่ในกรุงเทพมหานคร ได้แก่ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรวิหาร วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร ท่ามหาราช ท่ายอดพิมาน ล้ง 1919 สุขสยาม และเอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟร้อนท์ และขอเชิญชวนสัมผัสประสบการณ์งานประเพณีลอยกระทงในพื้นที่อื่นๆทั่วประเทศ อาทิ งานประเพณีลอยกระทงตาลปัตร 2566 จ.พระนครศรีอยุธยางานประเพณีลอยกระทงย้อนยุค จ.ลพบุรี ประเพณีล่องสะเปาจาวละกอน จ.ลำปาง เทศกาลโคมแสนดวง จ.ลำพูน เทศกาลลอยพระประทีปพระราชทานสิบสองเพ็งไทสกล กระทงดอกผึ้ง จ.สกลนคร ท่องเที่ยววิถีภูเก็ต ลอยกระทง ริมเลพานหิน จ.ภูเก็ต เป็นต้น
คาดว่าจำนวนผู้เยี่ยมชาวไทยในช่วงเทศกาลลอยกระทงปีนี้จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยคาดว่าจะมีจำนวนผู้เยี่ยมชาวไทยประมาณ 2.04 ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 จากปีที่ผ่านมา และสร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวอยู่ที่ 6,100 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา อันจะช่วยให้เกิดการเติบโตของท่องเที่ยว สร้างโอกาสทางธุรกิจ และส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่นให้เติบโตต่อไป