บาจา รุกต่อเนื่อง เพิ่มไลน์สินค้า ตอกย้ำจุดยืน Shoes for All
บาจา (ประเทศไทย) รุกต่อเนื่อง เพิ่มไลน์สินค้า ตอกย้ำจุดยืน Shoes for All เปิดตัว Red Collection - Born in Italy, Worn Locally ตามคอนเซ็ปต์ Style with Comfort ซึ่งเป็นกลุ่มรองเท้าแฟชั่นกับความสวยมีสไตล์และใส่สบายด้วยคุณภาพมาตรฐานยุโรป แต่มาในราคาที่ทุกคนเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
วิลาสินี ภาณุรัตน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บาจา (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บาจา (ประเทศไทย) ยังคงมีอัตราการเติบโตเป็นที่น่าพอใจ โดยโตเร็วกว่าตลาดเกือบ 2 เท่า ในปี 2023 ซึ่งมาจากการขยายตัวทั้งช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ ปัจจัยส่งเสริมการเติบโตนี้มาจากการที่เราทำการตลาดและขยายธุรกิจอย่างเข้มข้นตั้งแต่กลางปี 2022 ไม่ว่าจะเป็นการปรับภาพลักษณ์ให้ทันสมัยขึ้น ขยายช่องทางในด้านโซเชียลมีเดียมากขึ้น และกระตุ้นการขายด้วยแบรนด์แอมบาสเดอร์คนดังอย่าง “เบลล่า ราณี แคมเปน” เพื่อสร้างการรับรู้และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในวงกว้าง เสริมทัพด้วยเหล่า Friends of Bata ซี-พฤกษ์ พานิช, นุนิว-ชวรินทร์ เพริศพิริยะวงศ์, โบกี้ไลอ้อน และเดอะทอยส์ พร้อมทั้งนำสินค้าใหม่ๆ เข้ามาเพื่อให้สอดรับกับเทรนด์แฟชั่นที่ทันสมัย และปรับปรุงหน้าร้านเพื่อสร้างประสบการณ์ร่วมให้ลูกค้าช้อปสนุกและเป็นกันเองมากขึ้น รวมทั้งยังมี Automatic Tool ที่ทำให้เราทำงานและเข้าถึงลูกค้าได้เร็วขึ้นกว่าเดิม โดยการปรับตัวครั้งใหญ่นี้เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ บาจา กลับเข้ามาเป็นผู้เล่นที่แอ็กทิฟและดีดตัวกลับมาเป็นบริษัทที่โตมากที่สุดติดกัน 2 ปีซ้อน
วิลาสินี กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับตลาดรองเท้าในปีที่ผ่านมาเป็นปีที่เคลื่อนไหวเหวี่ยงตัวเป็นพิเศษ จากปลายปี 2022 ที่ตลาดกลับมาเติบโตอย่างรวดเร็วหลังจากคลายล็อกดาวน์ Covid-19 ทุกแบรนด์กลับมาคึกคัก ต่อเนื่องจนถึงครึ่งปีแรกของปี 2023 โดยที่ตลาด Sneakers ยังคงเป็นกลุ่มที่ได้รับความนิยมและส่งผลให้ตลาดรวมโตคู่กับกลุ่มรองเท้าเด็ก แต่ผลกระทบจากเศรษฐกิจทั่วโลกทำให้ตลาดเริ่มชะลอตัวลงในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งในปี 2024 นี้ เราคาดว่าจะเห็นกลุ่มรองเท้าอื่น เช่น Dress Shoes กลับมาได้รับความนิยมขึ้น แต่จะเป็นเทรนด์ที่รองเท้าต้องมากับความใส่สบายและมีความ casual ขึ้น เช่น รองเท้าบัลลาลิน่า และรองเท้าแมรี่เจน เพราะความสบายที่ลูกค้าได้รับจากการใส่สนีกเกอร์ในปีที่ผ่านมาจะกลายเป็นความต้องการที่รองเท้าทุกกลุ่มต้องมี และเป็นสิ่งที่คล้องจองกับแนวทางการทำสินค้าของ บาจา
"ทั้งนี้ กลยุทธ์ในการพัฒนาสินค้าปีนี้ จะยังคงตามคอนเซ็ปต์ Style with Comfort ที่รองเท้าทุกคู่ทุกกลุ่ม ต้องใส่สบายเป็นหลักแต่มีการเพิ่มสไตล์และดูเทรนดี้ขึ้น โดยหลังจากที่เราเปิดตัว Red Label ซึ่งเป็นสินค้าไลน์แฟชั่น และได้รับการตอบรับอย่างดี ช่วยให้ขยายกลุ่มลูกค้าเพิ่มไปสู่กลุ่ม Younger ที่มี Style Conscious คือรักแฟชั่นอย่างแท้จริงและรู้จักเลือกในสิ่งที่เหมาะกับตัวเอง ในปีนี้เราจะขยายไลน์กลุ่มนี้ให้ไปสู่กลุ่มที่กว้างยิ่งขึ้น ตามจุดยืนของเราคือ Shoes for All ที่ต้องการให้ทุกคนเข้าถึงรองเท้าสวย คุณภาพดี ใส่สบาย ด้วยการเปิดตัว Red Collection ที่ได้แรงบันดาลใจจากไลน์ Red Label แต่ทำให้ใส่ง่ายขึ้น และราคาจับต้องได้มากขึ้น โดยสินค้ากลุ่มนี้จะมีจำหน่ายในช่องทางร้านค้าของเราที่มากขึ้นด้วย
"นอกจากนี้ หลังจากความสำเร็จในการเปิดตัว North Star สนีกเกอร์สายสตรีท และ Power สนีกเกอร์สายกีฬา ในปีนี้ก็จะมีสินค้าใหม่ๆ เข้ามาเสริมทุกเดือน แต่เราจะกลับมาเน้นทำกลุ่มรองเท้าที่เป็น Heritage และคุ้นชินกับแบรนด์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรองเท้าแตะใส่สบายไลน์ Comfit ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าหลักซึ่งทุกคู่มากับเทคโนโลยี Comfort ดังนั้น เราจะมีสินค้าแตะดีไซน์สวยๆ มาเพิ่ม และความพิเศษคือจะมี Comfit ที่ไม่ใช่แค่รองเท้าแตะ แต่จะมี Ballerina, Moccasin, Loafer และ Mary Jane ให้กลุ่มคนทำงานได้มีรองเท้าใส่สบาย ทนทานให้เลือกอีกมาก รวมถึงรองเท้ากลุ่ม Dress Working Shoes Uniform รองเท้าสำหรับหลากหลายอาชีพ ทุกสถานการณ์ และยังมีแผนเปิดตัวรองเท้าเด็ก แบรนด์บับเบิ้ลกัมเมอร์ ซึ่งทั้งหมดนี้เพื่อให้ บาจา เป็นจุดหมายปลายทางที่มีรองเท้าทุกแบบสำหรับทุกคนทุกวัย ทุกอาชีพ ทุกการใช้งาน ภายใต้ข้อกำหนดว่าต้องสวยมีสไตล์ นุ่มใส่ง่าย สบายกระเป๋า และแน่นอนว่าในปีนี้เราจะยังคงเดินหน้าโปรเจกต์ Surprisingly Bata ต่อไป โดยทุ่มงบการตลาดเพิ่มเติม และตั้งเป้าเปลี่ยนโฉมทุกร้านให้เสร็จ เพื่อทำให้ภาพลักษณ์ใหม่ที่เราต้องการสื่อสารชัดเจนยิ่งขึ้น"
วิลาสินี กล่าวทิ้งท้ายว่า ด้าน Automation Tool ที่จะใช้เพิ่มประสบการณ์ให้แก่ลูกค้าในการช้อปที่ดียิ่งขึ้น เราได้เปิดตัวแคมเปญ You Shop We Ship ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม Omni-Channel รองรับในกรณีที่ลูกค้าไปหน้าร้านแล้วไม่มีสินค้าตามต้องการ พนักงานจะแนะนำให้สั่งซื้อผ่านหน้าร้าน และจะจัดส่งสินค้าไปให้ที่หน้าบ้าน เป็นการเชื่อมต่อการช้อปทั้งออฟไลน์และออนไลน์อย่างครบวงจร เสริมประสบการณ์การซื้อสินค้าอย่างไร้ขีดจำกัด พร้อมเสริมด้วย Bata Pocket Franchise Share & Chill แค่แชร์สินค้าที่ลูกค้าชื่นชอบผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลของตัวเอง แล้วรับค่าตอบแทน 15% จากยอดขายเมื่อมีคนสั่งซื้อสินค้าผ่านลิงก์ พร้อมปรับปรุง Bata Club เพิ่มสิทธิ์พิเศษของเมมเบอร์ต่างๆ ขึ้นอีก บาจายังทำการตลาดอย่างต่อเนื่องกับกลุ่มเป้าหมายด้วยการพูดคุยกับบรรดาคุณแม่ Young Mom เนื่องจากเป็นคนตัดสินใจเรื่องการซื้อรองเท้าให้ทุกคนในบ้าน และหนุ่มสาววัยทำงาน กลุ่ม Millennials ซึ่งเป็นกลุ่มที่เราพัฒนารองเท้ามาเป็นพิเศษเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของลูกค้ากลุ่มนี้ โดยคาดการณ์ว่าปีนี้จะดันการเติบโตขึ้นอีก 12% เพื่อสามารถกลับขึ้นเป็นที่ 1 อีกครั้งในอีก 3 ปีข้างหน้า
ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามสินค้าได้ที่ร้าน บาจา หรือทาง เว็บไซต์, Line Official: @Batathailand และห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ