จดหมายถึงในหลวง
พระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและภาพวาดเรฟาดี้ อ้นบุตร ผู้ป่วยโรงมะเร็งและปอด คือความในใจของอีฟฟราน อ้นบุตร ชาวอำเภอคลองแห จังหวัดสงขลา
ถ่ายทอดเรื่องราวลงในจดหมายทูลเกล้าฯ ถวายแด่ในหลวง เพื่อขอพระราชทานความช่วยเหลือพี่ชายให้หายจากอาการป่วย และทรงรับไว้เป็นคนไข้ในพระราชานุเคราะห์ ยังความปลื้มปีติหาที่สุดมิได้
"ตอนนั้นพี่ชายของผมเรียนอยู่ม.2 นิสัยส่วนตัวของเขาเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูด พอตัวเองป่วยและเห็นว่าครอบครัวมีฐานะยากจน พ่อทำอาชีพก่อสร้าง แม่ทำงานรับจ้าง บ้านไม่มีเงิน เลยไม่กล้าบอกใคร
ผมกลับมาจากโรงเรียน อยากชวนพี่ชายออกไปเตะบอล ไปวิ่งเล่นนอกบ้าน เขาก็ไม่ไป บอกว่าเพลียๆ อยากนอน จนพ่อเห็นว่าพี่ชายตัวซีดผอมลงไปเรื่อยๆ เลยพาไปส่งที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจดูว่าเป็นอะไร
จากนั้นก็นัดไปตรวจรอบสองที่โรงพยาบาลในอำเภอหาดใหญ่ คราวนี้เจอก้อนเนื้อ หมอวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งต้องรักษาด้วยการผ่าตัด พอผ่าตัดก้อนเนื้อออกไปแล้ว ก็ต้องยุติเพราะว่ามะเร็งลามไปที่อวัยวะต่างๆ และเปลี่ยนมาเป็นการทำคีโมแทน
ผมเห็นพี่ชายป่วยอย่างนี้ อยากมาเยี่ยม มาอยู่ใกล้ๆ ทุกเย็นวันศุกร์เลิกเรียนแล้ว ผมจะนั่งรถตู้จากจังหวัดปัตตานีมาหาเขาที่โรงพยาบาล แล้ววันอาทิตย์ก็นั่งรถตู้กลับไปเพื่อกลับมาเตรียมไปเรียนหนังสือ ทำอย่างนี้ต่อเนื่องทุกสัปดาห์
ไม่นานพี่ชายก็หยุดหายใจ หมอก็กู้ชีพจรขึ้นมาได้ แต่ร่างกายของพี่ชายไม่ตอบสนองแล้ว กลายเป็นเจ้าชายนิทรา ผมเสียใจมาก พยายามหาหนทางช่วยเหลือพี่ชายกับครอบครัว ว่ามีอะไรที่เราทำได้บ้าง เพราะตอนนั้นเงินทองในบ้านแทบไม่มี ความที่เรามีความคิดแบบเด็กๆ ก็คิดแค่ว่าอยากเขียนจดหมายถึงใครสักคนให้เขามาช่วยพี่ชาย คนแรกที่นึกถึงคือในหลวง"
ความในใจของเด็กชายอีฟฟรานในเวลานั้น ซึ่งเรียนอยู่ชั้นป.6 ได้รับการถ่ายทอดลงบนกระดาษขนาดย่อม พร้อมพระบรมสาทิสลักษณ์ที่เขียนด้วยดินสออย่างเรียบง่าย
"ผมไปที่ร้านค้า ซื้อกระดาษ ดินสอกับปากกามาเขียนจดหมายเล่าเรื่องความเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นกับพี่ชาย ความที่ผมชอบวาดรูป ก็วาดภาพพี่ชายนอนป่วยบนเตียง แล้วก็มีพระบรมสาทิสลักษณ์ในหลวง อยากสื่อความหมายถึงสิ่งที่เขียนไปให้เกิดความสมบูรณ์มากที่สุด
ตอนที่นั่งเขียนจดหมายฉบับนี้ น้าชายเดินมาเห็น ถามว่าผมทำอะไร ผมเล่าความรู้สึกของผมให้น้าฟัง น้าบอกว่าทำให้เสร็จแล้วน้าจะเป็นคนช่วยนำจดหมายฉบับนี้ส่งไปรษณีย์ เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายแด่ในหลวง ขอพระราชทานความช่วยเหลือจากพระองค์ท่าน แล้วก็อัปโหลดจดหมายฉบับเดียวกันนี้ ลงในเฟซบุ๊ก ทำให้เกิดการแชร์โพสต์ในหมู่ชาวคลองแห จังหวัดสงขลาก่อนขยายออกไปในโซเชียลมีเดียต่างๆ เผื่อว่าจะมีปาฏิหาริย์
อีกสองสามวันต่อมา พี่พยาบาลบอกว่า ในหลวงทรงรับพี่ชายเป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์แล้ว ผมรีบไปบอกแม่ กอดกับแม่ ดีใจที่ในหลวงช่วยเราแล้ว พ่อรู้ข่าวทีหลังก็โล่งใจกับการได้รับพระราชทานความช่วยเหลือในครั้งนี้
มีผู้แทนพระองค์เชิญแจกันดอกไม้ ตะกร้าสิ่งของพระราชทานเยี่ยมไข้จากในหลวงและเชิญพระราชกระแสทรงห่วงใย พระราชทานกำลังใจแก่ครอบครัวของผม ที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้"
แม้ทีมแพทย์จะรักษาเรฟาดี้ พี่ชายของอีฟฟรานอย่างสุดความสามารถแต่ไม่อาจยื้อชีวิตของเรฟาดี้ต่อไปได้ เขาจากไปอย่างสงบท่ามกลางความเศร้าโศกของคนในครอบครัว
"ในความโชคร้าย ก็ยังมีความโชคดีที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานความช่วยเหลือแก่ครอบครัวของเรา ผมคิดว่าเมื่อเราได้รับโอกาสที่ดีในชีวิตแล้ว สิ่งหนึ่งที่ผมจะทำได้ คือการตอบแทนพระมหากรุณาของพระองค์ท่าน ด้วยการเป็นจิตอาสาประชาชนร่วมกับคนในชุมชน เวลาใครทำกิจกรรมอะไร เราก็ไปช่วยเหลือคนอื่น
กระทั่งการเรียนในตอนนี้ผมเรียนต่อปวช. ที่โรงเรียนปัญญาภิวัฒน์สายทวิภาคีค่อนข้างหนัก เพราะผมทำงานควบคู่ไปด้วย เพื่อนำเงินส่งเสียตัวเองเรียนจนจบ ลดรายจ่ายของทางบ้าน ทำให้ไปร่วมกิจกรรมจิตอาสาเหมือนแต่ก่อน ไม่ได้แล้ว
เลยเป็นตัวแทนนักเรียนออกไปแนะแนวการศึกษาต่อตามสถาบันการศึกษาต่างๆ ตามที่โรงเรียนมอบหมาย ผมมองว่าคนเรายิ่งได้เรียนในระดับสูงขึ้นไปเท่าไหร่ จะทำให้เรามองเห็นโอกาสในการต่อยอดประกอบอาชีพมากเท่านั้น ในอนาคต ผมอยากเป็นเจ้าของกิจการอะไรสักอย่างและช่วยเหลือเกื้อกูลสังคมไทยให้น่าอยู่ เพื่อเป็นการตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณในหลวงตลอดไป"